คุณช่อ พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้าและดร.มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตนักการเมือง มาร่วมพูดคุยในประเด็นทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ และจากข่าวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางท่าน พูดติดตลกถึงพรรคก้าวไกล ต้องขอบคุณตนเองที่ช่วยยุบ เพราะตั้งพรรคใหม่แล้วได้เงินบริจาคเยอะงานนี้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง ทำให้ยอดวิวยูทูบของรายการทะลุขึ้นไปกว่า 5 แสนวิว และก็ยังเดือดไปถึงใน Xที่มีแอคเคาท์นึงได้นำช่วงคำถามและคำตอบส่วนหนึ่งของรายการไปแชร์ ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์เป็นอย่างมากในช่วงที่คุณช่อเบรกคุณมัลลิกาจะพูดเสริมตนให้หยุด และทิ้งท้ายว่าไม่ตลกระหว่างกำลังตอบคำถามในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 14.05 น. ทางช่อง 8 กดเลข 27
ที่คุณมัลลิกาโปรยมา ช่อว่าอย่างไร?
ดิฉันคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ ตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ มาพรรคก้าวไกล มาจนถึงพรรคประชาชนเราเจอแบบนี้มาทุกฝ่ายด้วยว่าเล่นไม่เป็น ไร้เดียงสาทางการเมือง หรืออยู่ไม่เป็น แบบนี้อีกชาติ หรือสองชาติไม่ได้เป็นรัฐบาลหรอก เพราะพวกเธอ มันดีลไม่เป็น ดิฉันคิดว่าเรื่องนี้มันเห็นกระจ่างแก่ตาอยู่แล้วว่า อันการดีลที่พรรคการเมืองที่เหลือทั้งหมดในประเทศไทยทำกันอยู่ ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจาก คุณเศรษฐาพ้นจากตำแหน่งนั้น เป็นสิ่งที่ประชาชนรู้สึกว่าดีหรือไม่ ตั้งแต่ศึกผู้กองกับนายพล มาจนถึงเรื่องของการเอาพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปร่วมรัฐบาลเพื่อไทย เพื่อที่จะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพการที่จะเอาพลเอกประวิตรออกไป โดยอ้างว่าปิดสวิตช์ประวิตร ซึ่งดิฉันขออนุญาตพูดนะคะว่า ประชาชนไม่ได้รับประทานหญ้า ปิดสวิตช์ประวิตร แต่ว่าประยุทธ์อยู่กับคุณครึ่งพรรคร่วมรัฐบาล ดิฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่า ปิดสวิตช์ 3 ป. อย่างไร
เพราะฉะนั้นเวลาเราเรียกพรรคนี้ว่าพรรคประชาชน มันมีความหมายนะอาจารย์ แปลว่า พรรคประชาชนก็คือ พรรคที่ทำตามต้องการของประชาชน วันนี้คำถามที่ประชาชนถามอยู่ทุกวันคือ เวลาที่วิ่งกันฝุ่นตลบจัดตั้งรัฐบาล ได้เห็นหัวพวกกูบ้างหรือเปล่า การดีลแบบนี้อยู่บนผลประโยชน์ต่อประชาชน หรือดีลบนมุ้งการเมือง พรรคประชาชนไม่ได้ไม่เข้าใจการดีลแบบนี้ แต่ดิฉันไม่ได้พรรคประชาชนนะ แต่ดิฉันนั่งมองการจัดตั้งรัฐบาลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดิฉันรู้สึกว่าถ้าพรรคประชาชนจะต้องจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต ถ้าหากชนะเลือกตั้งปี 70 ได้เกินกึ่งนึง เรามั่นใจได้ว่าจะไม่มีสถานการณ์แบบนี้ ที่การดีลและการเฟ้นหาตัวรัฐมนตรี อยู่ที่ว่าใครมี สส. กี่คน นับหัว แล้วต่อรองทางการเมือง รัฐมนตรีของพรรคประชาชน ต้องเป็นรัฐมนตรีที่ดูคุณสมบัติตรงกับกระทรวงนั้นหรือไม่ มีคุณสมบัติ ประสบการณ์พอหรือไม่ ดิฉันคิดว่านี่แหละคือการดีลของพรรคประชาชน เราไม่ดีลกับใคร ไม่มีใครดีลกับเราไม่เป็นอะไร ดีลเดียวที่เรารับก็คือดีลเดียวกับประชาชน ประชาชนต้องการอะไรพรรคก็จะดีลแบบนั้น
ถามมัลลิกาก่อน ในฐานะเป็นผู้หญิงด้วยกันเธอห่วงเขาไหม?
ไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าใครจะสอยอาจารย์ มันขึ้นอยู่กับว่าตัวเองรู้ตัวหรือไม่ ว่ามีอะไรที่สุจริต โปร่งใส ดังที่รัฐธรรมนูญระบุไว้หรือเปล่า อันนี้ต่างหาก คนเราถ้าเราจะไปเป็นผู้นำ เราต้องรู้เรื่องรัฐธรรมนูญ คนเราถ้าเกิดจะไปเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี เราต้องรู้ระเบียบ แต่ถ้าเกิดเราไม่รู้เลย มันก็จะเป็นเหมือนกรณีคุณเศรษฐา ไม่รู้อะไรเลย แล้วไปทำในสิ่งที่ผิดพลาด และเป็นช่องให้คนไปยื่นได้ คำถามก็คือ คนเราถ้าเกิดเรามีความพร้อม แล้วเรามั่นใจ เราต้องดูให้ละเอียด ทีนี้ถ้าเราไปที่เราไม่พร้อม เรามีแค่อำนาจ พ่อแม่ เงิน และเราจะเป็นอะไรก็ได้ โดยที่ไม่ตรงตามสเปกของกฎหมาย มันก็ต้องโดนอยู่แล้ว อาจารย์ก็รู้ ปัจจุบันช่อก็รู้อยู่แล้ว ทุกคนก็รู้แล้วไม่ใช่แค่เรา ถ้าเกิดเราไม่ขยับ คนอื่นก็ต้องขยับอยู่แล้ว ไม่มี สว.40 ขยับ คนอื่นมันก็ต้องขยับ สนามกอล์ฟ อัลไพน์ ชัดที่สุด ยังไม่นับกรณีบ้านตู้ห่าวที่ซื้อไป เงินสดหลังละร้อยล้าน ทั้งโครงการ และตัวเองถือหุ้นอยู่หรือเปล่า ทั้ง 2 เรื่อง วันนี้โอนแล้วหรือยัง โอนแล้วรอดไหม ยังไม่นับอื่นๆ ฯลฯ
คุณช่อตื่นเต้นไหมคะที่พรรคประชาธิปัตย์จะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย?
เป็นปรากฏการณ์ที่เก่า เอาท์ออฟซีซันมากๆ เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว ดิฉันก็รู้อยู่แล้วไม่ว่าวันใดก็วันนึง จะต้องเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เคยได้ยินกลอนบทนี้ไหม หนทางพิสูจน์มาก และเวลาพิสูจน์คน ใครถ่อยและใครทน พิสูจน์ได้เมื่อเก้าอี้ ครม. มาประเด็น กลับไปที่คุณมัลลิกาพูดก่อนหน้านี้ต้นรายการว่า ต้องดีลให้เป็นใช่ไหมคะ ดีลเป็นจะได้เป็นรัฐบาล ในความเป็นจริงเรารู้ดีว่ารัฐสภาเป็นที่แห่งการต่อลอง เรามีเสียงในสภาเท่าไร เราก็ไปหาแนวร่วม เมื่อได้เป็นเสียงส่วนใหญ่ นโยบายเราก็จะเป็นจริง อันนี้หลักการเบสิก ปัญหาก็คือว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มันเกิดปรากฏการณ์ที่ว่า เรารวมเสียงของเรา เรารู้ว่าเสียงเราไม่พอ เราไปรวมเสียงกับคนอื่น พอเรารวมเสียงกับคนอื่นได้ปุ๊บ นโยบายของเราไมเป็นจริง ถูกไหม โดยหลักการณ์คุณต้องไปรวมเสียงกับคนอื่น เพื่อผลักดันนโยบายของคุณให้เป็นจริง ประเด็นคือ รวมเสร็จ นโยบายไม่เป็นจริง รวมเสร็จนโยบายเป็นอื่น ตกลงรวมไปเพื่ออะไร ที่บอกว่าจำเป็นร่วมรัฐบาลเพื่อส่งมอบนโยบายให้กับประชาชนนั้น เป็นเพียงข้ออ้าง สุดท้ายมันพิสูจน์ที่ทำไปเพียงเพื่อต้องการเป็นรัฐบาล และต้องการเก้าอี้รัฐมนตรี ข้ออ้างคลาสสิกของทุกพรรคก็คือ ต้องเป็นรัฐบาลไม่อย่างนั้นส่งมอบให้ประชาชนไม่ได้ เป็นฝ่ายค้านตลอดชาติอย่างก้าวไกลไง เห็นไหมดีแต่พูด ทำอะไรไม่ได้
ตกลงนายกฯของเรา เป็นนายกฯหญิง หรือเป็นคุณพ่อนายกฯกันแน่คะ?
คุณพ่อไง ก็ชัดอยู่แล้ว ก็ดิจิทัลวอลเล็ต นายกฯหญิงยังไม่ได้พูดเลย คุณพ่อก็พูดไปแล้วเมื่อวานว่าจะเป็นอย่างไร มันชัดอยู่แล้ว พฤติกรรมมันชัด ชัดเหมือนคุณพ่อไม่ได้เข้าคุก แล้วก็บอกว่าเข้าแล้ว มันก็คือชัด
โดยในช่วงสุดท้ายของการพูดคุย คุณช่อได้มีการพูดแจงอธิบายจากคำถาม มี 1 ใน 3 ของรัฐธรรมนูญ เขาออกมาพูดว่า พรรคประชาชน ต้องขอขอบคุณเขานะ ที่ยุบพรรคทำให้ได้เงินตั้ง 20 ล้าน? ของการตอบในช่วงท้ายว่า “ ดิฉันขออธิบายเพิ่มเติม ข้อแรก เรื่องของการถ่วงดุล เวลาพูดถึงเรื่องถ่วงดุล ดุลแปลว่า เสมอ หรือ เท่า วันนี้สำหรับที่อ้างว่า ตุลาการ ต้องสามารถถ่วงดุล ข้อแรก ศาลธรรมนูญ ไม่ใช่ตุลาการ เป็นองค์กรอิสระ ไม่ใช่อำนาจนิติบัญญัติบริหารตุลาการ และศาลรัฐธรรมนูญอยู่ฝั่งตุลาการ ผิดนะคะ ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นองค์กรอิสระ ตุลาการ คือระบบศาล ชั้นต้น อุทธรณ์ ฎีกากลับมาเรื่องดุล เราต้องได้ดุล ณ วันนี้ บอกว่าศาลรัฐธรรมนูญถ่วงดุลอำนาจของสภา อำนาจของ สส. อำนาจของนายกรัฐมนตรี คำถามคือ และใครไปถ่วงดุลศาลธรรมนูญ อาทิตย์ก่อนคุณยุบพรรคอันดับ 1 อาทิตย์นี้คุณเอานายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง ตกลงประเทศนี้ปกครองด้วยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า (คุณช่อยกนิ้วห้าม คุณมัลลิกาที่จะพูดเสริมตนเอง) หยุด! (คุณมัลลิกาหัวเราะ) ไม่ตลก ฯลฯ