การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่จุดสูงสุดอีกครั้งเพื่อพลิกฟื้นศักยภาพท่องเที่ยวไทยทั้งระบบด้วยการกระตุ้น Demand ยกระดับ Supply มุ่งสู่ความยั่งยืน พร้อมชู “เสน่ห์ไทย” และ “เมืองน่าเที่ยว” เป็นจุดขายสำคัญ ดึงดูดตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตร้อยละ7.5 จากปี 2567
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็น 1 ใน 8 เสาหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยภายใต้นโยบาย IGNITE THAILAND’S TOURISM ซึ่งมุ่งหวังให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาค (Tourism Hub) ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วยการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยให้มีคุณภาพและยั่งยืน (High Value and Sustainability), ให้ความสำคัญกับกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ ใช้จ่ายสูง มีระยะพำนักนาน และมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และ การยกระดับห่วงโซ่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Shape Supply) ให้มีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว และผลักดันเกณฑ์มาตรฐานความยั่งยืน ตลอดจนการส่งเสริมเมืองน่าเที่ยว เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรมและทั่วถึงจึงจะนำไปสู่ปลายทางความสำเร็จของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่เติบโตอย่างยั่งยืนและสมดุล
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ปี 2568 นับเป็นปีแห่งความท้าทายของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่จะก้าวไปสู่ Amazing Thailand Grand Tourism Year อย่างยิ่งใหญ่ สอดรับนโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism ของรัฐบาล โดยเรายังคงสานต่อหัวใจสำคัญอย่างการกระตุ้นความต้องการเดินทางท่องเที่ยว (Drive Demand), การยกระดับห่วงโซ่อุปทาน (Shape Supply) ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ สร้างมาตรฐาน พัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับความต้องการและความคาดหวังของนักท่องเที่ยว ภายใต้การเสริมกำลังซึ่งกันและกันของทุกภาคส่วนแบบ 360 องศา (Partnership 360)และเดินหน้าสู่ความยั่งยืน เพื่อบรรลุเป้าหมายเชิงเศรษฐกิจ ผลักดันการเติบโตรายได้อย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่าร้อยละ 7.5 สูงกว่าการเติบโตของ GDP ประเทศไทยปี 2568 ถึง 1.7 เท่า พาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยกลับไปอยู่ ณ จุดสูงสุดอีกครั้ง โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า39 ล้านคน และดึงไทยเที่ยวไทยมากกว่า 205 ล้านคน-ครั้ง สะท้อนศักยภาพของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่จะเป็นเรือธงอันทรงพลังผลักดันให้เศรษฐกิจไทย สังคมไทยและคนไทยเติบโตไปด้วยกันอย่างมีความสุขและยั่งยืนนำประเทศไทยสู่จุดหมายปลายทางทางการท่องเที่ยวระดับโลก
“เสน่ห์ไทย” จะเชื่อมโยงกับแนวคิด 5 Must Do in Thailand ของรัฐบาล ประกอบด้วย Must Taste อาหารไทยบอกเล่าที่มาความอร่อยและวิถีการกินของคนแต่ละภาค Must Try มวยไทยและเรื่องราวศิลปะการต่อสู้ที่เป็นที่นิยมของคนทั่วโลก Must Buy แฟชั่น ผ้าไทย และงานฝีมือ งานคราฟต์ที่เล่าเรื่องราวชีวิต การสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจของคนไทย Must Seek สถานที่ท่องเที่ยวเที่ยวใหม่ๆ หรือมุมมองและเรื่องราวใหม่ๆและ Must See เทศกาลงานประเพณี ที่สะท้อนวิถีชีวิต ความเชื่อของคนแต่ละท้องถิ่นทั่วไทย ในส่วน “เมืองน่าเที่ยว” จะเพิ่มพลังให้เป็นเมืองที่น่าไปเที่ยวไปเยือนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถสร้างการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น โดยดึงกลยุทธ์ City Marketing พัฒนาเมืองต่างๆ ให้เติบโตเข้าใกล้ความเป็นเมืองหลักด้านการท่องเที่ยวค้นหาจุดขาย พลิกมุมมอง บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไทยของแต่ละพื้นที่ หมุนเวียนกันไปจากเมืองสู่เมือง จากภาคสู่ภาค เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็น High Season ตลอดทั้งปี
ตลาดในประเทศ “ไทยเที่ยวไทย” รับโจทย์ท้าทายที่การมุ่งให้เกิดการเดินทางทันที เพิ่มความถี่ กระตุ้นการใช้จ่าย รวมทั้งดึงกลุ่มศักยภาพ (ไทยเที่ยวนอก)ให้กลับมาท่องเที่ยวในประเทศมากยิ่งขึ้น พร้อมเสิร์ฟความสุขไปกับแคมเปญ “สุขทันที ที่เที่ยวไทย” โดยชวนคนไทยออกไปสุขทันทีที่ได้ไปใช้เวลาท่องเที่ยวกับคนที่รัก สิ่งที่รัก พร้อมใช้ Big Events และ Local Events ทั้งประเพณี ดนตรีและกีฬา และนำเสนอกิจกรรมท่องเที่ยวที่ตรงใจ กระตุ้นการใช้จ่ายของ Sub-culture Segment พร้อมกับการนำเสนออัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ ประกอบด้วย ภาคเหนือชวนสัมผัส Season of the North เสน่ห์วันวานเมืองเหนือที่ผสานความสร้างสรรค์และความยั่งยืนอย่างลงตัว ผ่านอาหาร งานคราฟท์ และกิจกรรมเพื่อสุขภาพภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดประสบการณ์อาหารถิ่นผ่าน Gastronomy Tourism และม่วนคักกับความสนุกสนานของเทศกาลประเพณีที่บ่งบอกความเป็นมาและเป็นไปของชีวิตผู้คน จากนั้นค่อยเดินทางไปสัมผัสเสน่ห์ของภาคกลาง พื้นที่ลุ่มแม่น้ำที่มาพร้อมความสุขอันเรียบง่ายผ่านเรื่องราวมรดกศิลปวัฒนธรรม ศรัทธาและอาหารแล้วไปสนุกกับภาคตะวันออกสีสันตะวันออก Colorful Burapha ด้วยกีฬากิจกรรมกลางแจ้ง อิ่มอร่อยกับพืชผัก ผลไม้และอาหารทะเลสดใหม่สุดท้าย ภาคใต้GO SOUTH ไปใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ ด้วยการเดินทางแบบ Wellcation และ Carbon Neutral Tourism พร้อมดื่มด่ำธรรมชาติสองฝั่งทะเล
“ตลาดต่างประเทศ” มุ่งผลักดันการเติบโต 23 ตลาดทั่วโลกที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยและสร้างรายได้มากกว่า 80% ของจำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในปี 2567 รวมถึงเพิ่มจำนวนตลาด 7 digits ให้ได้ถึง 13 ตลาดในปี 2568 พร้อมสานต่อผลักดันการเพิ่ม Seat Capacity เข้าไทย ทั้งการเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางบินปัจจุบัน เพิ่มเส้นทางบินใหม่ และขยายระยะเวลาการบิน ทั้ง Regular Flight และ Charter Flight ส่งเสริม “เมืองน่าเที่ยว” ที่มีศักยภาพพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว และ “เสน่ห์ไทย” ที่สอดคล้องกับความต้องการและรสนิยมของนักท่องเที่ยวในตลาดต่างประเทศ และต่อยอดกระแสความนิยมซีรีย์ ภาพยนตร์และ Music VDO ที่ถ่ายทำในประเทศไทยในกลุ่มแฟนดอม(Fandom) ให้เดินทางมาเที่ยวอย่างต่อเนื่องในปี 2568 เริ่มที่ ตลาดระยะใกล้กับ 2 แนวทางหลัก เจาะตลาดกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่อายุน้อยลงอย่างกลุ่ม New Gen ด้วยการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศไทยในใจนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และฮ่องกง และ กระตุ้นความถี่และการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว Sub-segment ศักยภาพ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่ม Millennials กลุ่มครอบครัว และกลุ่มผู้มีรายได้สูง อาทิ กลุ่ม Shopping mania ในตลาดอาเซียน และ กลุ่มขับรถเที่ยวและกลุ่มท่องเที่ยวทางรถไฟจากมาเลเซีย สิงคโปร์และจีน โดยเฉพาะอย่างตลาดจีน ในปี 2568 ททท. จะเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีนครบรอบ 50 ปีอย่างยิ่งใหญ่ด้วยกิจกรรมทั้งในระดับรัฐบาลกับรัฐบาล ธุรกิจกับธุรกิจ และระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศ อาทิ Nihao month เชิญอินฟลูเอนเซอร์และเซเลบริตี้ชื่อดังระดับโลกเดินทางมาประเทศไทย พร้อมทั้งจัด Joint Promotion ร่วมกับพันธมิตร กิจกรรม Chinese Passport Special Deals กระตุ้นการเดินทาง เพิ่มค่าใช้จ่ายและวันพักของนักท่องเที่ยวจีนจากพื้นที่เมืองหลักและเมืองรองของจีนเข้าไทย
ตลาดระยะไกล :ตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ให้น้ำหนักไปที่ การขยายตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพและการฟื้นความจุและความถี่ของเที่ยวบิน โดยมุ่งปักธงพื้นที่ตลาดใหม่ สร้างการรับรู้สินค้าและบริการท่องเที่ยว อาทิเจาะกลุ่มตอนกลางของสหรัฐอเมริกา ขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ Quality Leisure โดยเฉพาะกลุ่ม First Visit ในตลาด UK และ Ireland ยุโรปตะวันตกและบอลข่าน ฝรั่งเศส โมนาโค และเบเนลักซ์เจาะกลุ่ม New Gen ในตลาดอเมริกาและแคนาดาที่ใส่ใจการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ทั้งกลุ่ม Gen-Z ที่มองหาประสบการณ์ที่ให้ความหมายกับชีวิต กลุ่ม Millennials ที่ต้องการเจาะลึกวัฒนธรรมท้องถิ่นและ Active Outdoor Experience และกลุ่ม Asian American ตลาดที่เติบโตรวดเร็วและมีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง รวมไปถึง เจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มไลฟ์สไตล์ที่ใช้จ่ายสูง เช่น กลุ่ม DINKs (Double Income, No Kids) และ LGBTQIAN ตลอดจนตลาด Luxury ในกลุ่ม 6 ประเทศอาหรับทั้งนี้ ททท. จะใช้ แคมเปญ Amazing Thailand: Your Stories Never End สำหรับตลาดต่างประเทศ เพื่อชวนนักท่องเที่ยวมาร่วมสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำในประเทศไทย ค้นพบมุมมองใหม่ ให้เป็นเรื่องราวแห่งความประทับใจ มีคุณค่าและความหมาย เกิดเป็นการบอกต่อเรื่องราวและเดินทางซ้ำไม่สิ้นสุด ให้ความรู้สึกถึงการเดินทางมาประเทศไทยเป็นครั้งแรกเสมอ