“ป่า” โลเคชันที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความน่าสะพรึงให้กับภาพยนตร์เรื่อง “แดนสาป THE CURSED LAND” เป็นสถานที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านกับเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนและเพื่อให้ภาพยนตร์สมจริงที่สุด ภาณุ อารี ผู้กำกับภาพยนตร์ได้ตัดสินใจใช้ป่า “บาลา” ส่วนหนึ่งของฮาลาบาลาในจังหวัดนราธิวาสในการถ่ายทำ ฉาย 11 กรกฎาคมในโรงภาพยนตร์
นนทรีย์ นิมิบุตร พูดว่า “เราอยากจะทำให้หนังมันมีความสมจริงสมจังที่สุดและในหนังเองได้พูดถึงเรื่องชายแดนคือบางทีเราก้าวข้ามเขตแดนไปโดยที่เราไม่รู้ตัวหรอกจริงๆเขตแดนมันไม่ได้แบ่งกันชัดเจนมีรั้วขอบชัดเจนว่าตรงนี้เป็นประเทศไทยตรงนี้เป็นตรงนั้นตรงนี้ไอ้การที่เราเผลอการที่เราไม่ทราบมาก่อนแล้วเราก็ข้ามเส้นเหล่านั้นไปผมว่ามันน่าสนใจดี เพราะว่าเราก็ไม่รู้หรอกครับเราก็ใช้จินตนาการกันว่าข้ามไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นในสมัยที่มันมีโจรจีนมีคอมมิวนิสต์มีอะไรต่อมิอะไรเราก็พยายามจะสร้างบรรยากาศให้มันรู้สึกว่ามันมีความน่าสะพรึงกลัวบางอย่างตรงนั้นให้มันเกิดความกดดันมากยิ่งขึ้นนอกจากตัวญินตัวผีแล้วผมว่าบรรยากาศเหล่านี้มันน่าจะช่วยสร้างอารมณ์แล้วก็ความรู้สึกความน่าสะพรึงกลัวให้กับคนดูได้มากขึ้น”
“ป่าฮาบาบาลา” ได้ชื่อว่าเป็น “ป่าแอมะซอนแห่งอาเซียน” พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าของประเทศไทย ประกอบไปด้วยผืนป่าสองผืนคือ “ป่าฮาลา” ในพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา และ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส และ “ป่าบาล” ในพื้นที่อำเภอแว้งและอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส
ภาณุ อารี พูดว่า “ในบทเรากำหนดให้ฉากหลักในเรื่องคือจังหวัดชายแดนซึ่งโจทย์ของเราคือป่าเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้านและเราอยากได้ความรู้สึกของบรรยากาศที่แตกต่างระหว่างชุมชนมุสลิมในกรุงเทพฯกับในสามจังหวัดดังนั้นจังหวัดนราธิวาสก็เป็นโจทย์ที่เรามองว่ามันจะตอบได้ทุกอย่างก็เลยตัดสินใจไปตรงนั้นเพราะว่าในหนังพื้นที่หลักที่มันอยู่ในภาคใต้มันคือพื้นที่ในเมืองและพื้นที่ที่มันอยู่ในป่าซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้ลงไปสำรวจอยู่ครั้งหนึ่งแล้วเราก็ชอบมันก็เลยตัดสินใจลงไป คือเราอาจจะถ่ายฉากในภาคใต้ที่ไหนก็ได้แต่ว่าเราจะรู้สึกผิดนะถ้าต่อไปคนดูจะมาตั้งคำถามว่า ‘เอ๊ะป่าแบบนี้มันไม่ใช่ป่าในสามจังหวัดภาคใต้เลยนี่’ หรือว่า ‘พื้นที่ตรงนี้ร้านน้ำชาอะไรแบบนี้มันอยู่แถวหนองจอกนี่นา’ ถ้าคนดูเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมามันจะกลายเป็นตราบาปที่อยู่ในใจเราทุกคนก็เห็นในจุดประสงค์เดียวกันก็เลยตัดสินใจไปถ่ายก็ใช่เวลาถ่ายอยู่ที่นั่นไปประมาณ 3 วัน 2 คืน”