สถานการณ์ไฟป่ายังคงน่าเป็นห่วง แต่ปีนี้พื้นที่ป่าที่ถูกเผาไหม้น้อยกว่าปีที่แล้ว ทั้งที่จุดความร้อนหรือไฟป่าที่เกิดขึ้นมีจำนวนใกล้เคียงกัน นับได้ว่าเป็นความสำเร็จขั้นแรกของความร่วมมือทุกฝ่าย
นายธวัชชัย ธนะโรจน์รุ่งเรือง ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าเชียงใหม่ และหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟเชียงใหม่ ซึ่งดูแลพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติประมาณ 10 ล้านไร่ในจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน เล่าว่า “การบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นระดับจังหวัด กรมป่าไม้ จนกระทั่งระดับหมู่บ้าน มีประสิทธิภาพมากขึ้น ระบบการสื่อสารข้อมูลดีขึ้น มีการแจ้งเตือนเร็วมาก พวกเราได้รับข้อมูลเร็วขึ้นก็สามารถเข้าพื้นที่ดำเนินการดับไฟได้เร็ว ป้องกันไม่ให้ลุกลามในวงกว้างได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย”
แม้ว่าระบบข้อมูลข่าวสารจะรวดเร็ว มีประสิทธิภาพมากขึ้น และคนด่านหน้ามีความมุ่งมั่นในการปกปักรักษาผืนป่า แต่อุปสรรคใหญ่ยังคงเป็นเรื่องความเพียงพอของอุปกรณ์ และการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ทั้งค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์ ค่าน้ำมันที่ใช้เติมเครื่องเป่าลมเพื่อดับไฟและเป่าใบไม้แห้งเพื่อทำแนวกันไฟ และอื่นๆ จิปาถะ ถึงแม้ว่าหน่วยงานภาครัฐจะได้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น แต่พื้นที่ที่ต้องดูแลมีกว้างขวางมาก และจำนวนอาสาสมัครที่ช่วยกันดูแลก็มีมากเช่นกัน
“หน่วยงานภาครัฐเองนอกจากจะจัดสรรงบประมาณแล้ว ยังมีการปรับปรุงระเบียบต่างๆ ผ่อนปรนมากขึ้น เพื่อให้การทำงานร่วมกันของทุกฝ่ายเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและราบรื่นที่สุด ที่สำคัญคือ สามารถเปิดโอกาสให้ภาคสังคมและเอกชน เข้ามามีบทบาทมากขึ้นด้วยในการดูแลรักษาผืนป่า” นายธวัชชัยกล่าว
ในระยะหลายปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น ทั้งในด้านการสนับสนุนเครื่องมือ อุปกรณ์ หรือการจัดกิจกรรมทำแนวกันไฟ ปลูกป่า เช่น นิสสัน ประเทศไทย ที่ได้สนับสนุนรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อให้แก่ทีมเหยี่ยวไฟเชียงใหม่ เครื่องเป่าลม อุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งชักชวนพนักงานมาร่วมกันทำฝายชะลอน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผืนป่า ลดความเสี่ยงจากการเกิดไฟป่าและช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
ติดตามได้ที่ nissan-global.com, Facebook, Instagram, Twitter, LinkedIn และรับชมวีดีโอล่าสุดที่ YouTube