สมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมโรคระบบหายใจและเวชบำบัดวิกฤติในเด็กแห่งประเทศไทย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และกรมการแพทย์ เปิดตัวโครงการ “หายใจสบาย, ใช้ชีวิตเต็มที่: ผู้ป่วยโรคหืดต้องไม่เสียชีวิต” (Breathe Easy, Live Fully: Towards Zero Asthma Deaths) ณ ห้องประชุมเวิล์ดบอลรูมซี ชั้น 23 โรงแรมเซนทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล เวิล์ด กรุงเทพมหานคร เนื่องในวันหืดโลก (World Asthma Day 2024)
รศ.นพ.ฮิโรชิจันทาภากุล นายกสมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทยกล่าวว่า โรคหืดเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ถึงแม้ประเทศไทยจะมีแนวทางการรักษาโรคหืดแพทย์ และทรัพยากรในการดูแลผู้ปวยโรคหืดเพียงพอ แต่ยังมีผู้ป่วยโรคหืดที่เสียชีวิตจากการกำเริบเฉียบพลันมากกว่า 400คน ต่อปี ซึ่งสูงกว่าประเทศอื่นที่มีประชากรมากกว่าประเทศไทยเช่น ญี่ปุ่น หรือ สหรัฐอเมริกา โครงการนี้ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการรักษาโรคหืดในประเทศไทยโดยการรวบรวมและติดตามข้อมูลของผู้ป่วยโรคหืดในประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนข้อมูลจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำมาวิเคราะห์และวางแผนร่วมกับภาคีองค์กรต่างๆ พร้อมเสนอแนวทาง ในการลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหืดให้เหลือน้อยที่สุด โดยคาดหวังให้อัตราการเสียชีวิตจากโรคหืดในประเทศไทยลดลงเหลือศูนย์ในระยะเวลาภายในสิบปี
“โรคหืด” เกิดจากภาวะหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และไวต่อสิ่งกระตุ้นมากผิดปกติ ทั้งจากสารก่อภูมิแพ้ การติดเชื้อ หรือมลพิษทางอากาศ ทำให้กล้ามเนื้อเรียบของหลอดลมหดเกร็ง ตีบแคบเป็นพัก ๆ ส่งผลให้เกิดอาการไอ หอบเหนื่อย หายใจลำบากตามมา อาการบ่งชี้ของโรค เช่น ไอเป็นชุด ๆ แน่นหน้าอก หายใจหอบ หายใจเสียงดังวี้ด ซึ่งมักเกิดขึ้นหลังได้รับสิ่งกระตุ้น เช่น มลพิษทางอากาศ สารก่อภูมิแพ้ การติดเชื้อไวรัส หรือการออกกำลังกาย “โรคหืด” เป็นโรคเรื้อรังที่ไม่ติดต่อ และสามารถรักษาเพื่อควบคุมอาการและป้องกันการเกิดหืดกำเริบเฉียบพลัน ผู้ป่วยส่วนหนึ่งที่ใช้ยาควบคุมโรคอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องนั้นมีโอกาสหายขาดได้ ทั้งนี้คนส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจที่ผิดว่า “โรคหืด” เป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้หรือสามารถหยุดยาได้เมื่อไม่มีอาการกำเริบ ทำให้ผู้ป่วยขาดความสม่ำเสมอในการใช้ยารักษาส่งผลให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคหืดชนิดรุนแรง (Severe Asthma) ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยากลุ่มใหม่ (Biologics) ที่มีความจำเพาะเจาะจงในการต้านกลไกการเกิดโรคและให้ผลการรักษาที่ดีต่อคนไข้โรคหืดชนิดรุนแรงนั้น ทางกรมบัญชีกลางได้ประกาศอนุมัติให้ผู้ป่วยข้าราชการสามารถใช้สิทธิ์ในการรักษาได้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไปซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับคนไข้โรคหืดชนิดรุนแรง นอกจากนี้ยังมีแนวทางการรักษาอื่น ๆ ที่ช่วยบรรเทาอาการได้ อาทิ การเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ การเลิกสูบบุหรี่ การออกกำลังกาย การฝึกหายใจ การลดความเครียดทางอารมณ์ และจิตใจ และการลดน้ำหนัก ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรติดตามอาการของตนเอง และฝึกสังเกตอาการโดยมีแผนการปฏิบัติตนเบื้องต้นเพื่อควบคุมอาการของโรคหืดและหากมีอาการที่สงสัยว่าเป็นอันตรายควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างทันท่วงที