สามเซเลบริตี้สาวสวย สิริน ศรีอรทัยกุล, เอมษิกา โชติวิจิตร และ วิชาดา พูลผล เผยวิธีเลือกใช้กลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ผ่านกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องหอม (Aromatherapy) ของ ‘ธัญ’ (THANN) แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิว เส้นผม ‘น้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ’, ‘โซลิด เพอร์ฟูม’ และ ‘ไทม์ ทู รีเฟรช’
สิริน เผยว่า “ไลฟ์สไตล์ของเรานอกจากจะทำงานเป็นประจำทุกวันแล้ว ก็มักจะปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อนๆ และครอบครัวอยู่เสมอ ทั้งงานวันเกิด งานคริสต์มาส งานเลี้ยงในโอกาสพิเศษ ทุกครั้งที่เราจัดงานก็ต้องการให้เป็นโมเมนต์ที่น่าประทับใจสำหรับทุกคน โดยจะเลือกสร้างบรรยากาศภายในงานด้วยการใช้กลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ ซึ่งส่งผลต่ออารมณ์ของผู้ร่วมงานและสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้อย่างมีความสุข หลักในการเลือกใช้กลิ่นหอม เราจะเลือกกลิ่นที่เข้ากับคอนเซ็ปต์ของงาน หรือบรรยากาศของงานที่ต้องการสื่อออกไป หากต้องการให้งานมีบรรยากาศสนุกสนานเป็นกันเองก็จะเลือกกลิ่น อะโรมาติก วูด หรือหากเป็นงานดินเนอร์ที่เป็นงานหรูหราทางการหน่อยก็จะเลือกกลิ่น อีเดน บรีซ เพราะจะทำให้บรรยากาศในงานชวนให้หลงใหล น่าค้นหา ส่งผลให้ผู้ร่วมงานเกิดความประทับใจและความทรงจำที่ดี หากเป็นช่วงเวลาทำงานในระหว่างวัน เราก็จะหาเวลาพักเบรก 10 – 15 นาที เพื่อยืดเส้นยืดสาย และใช้ไทม์ ทู รีเฟรช ในการสร้างความผ่อนคลายและเติมความสดชื่นระหว่างวัน”
เอมษิกา กล่าวว่า “ส่วนตัวเรามองว่ากลิ่นหอมมีประโยชน์อย่างมากในการผ่อนคลายจิตใจ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้เป็นอย่างดี เราใช้วิธีการสร้างบรรยากาศความผ่อนคลายด้วยการใช้กลิ่นหอมเป็นประจำ ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน ระหว่างการเดินทาง หรือไปตามสถานที่ต่างๆ เพราะอารมณ์ส่งผลโดยตรงกับการทำงาน อย่างวันไหนที่อารมณ์ไม่ดี ผลงานที่ออกมาก็จะไม่ดี หากวันไหนที่อารมณ์ดีก็จะทำให้มีแรงบัลดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมาดีด้วย ปกติแล้วเรามักจะพกน้ำหอม หรือเครื่องหอมติดกระเป๋าเป็นประจำ เพราะง่ายและสะดวกในการหยิบใช้งาน อย่างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประจำจะเป็น ไวลด์ ฟลอรัล โซลิด เพอร์ฟูม สำหรับแต่งเติมความหอมระหว่างวัน โดยจะทาบริเวณข้อพับ ข้อมือ แต่หากรู้สึกเครียด หรืออยากได้ความสดชื่นผ่อนคลายก็จะหยิบ ไทม์ ทู รีเฟรช ขึ้นมาใช้ควบคู่กับการนวดขมับเบาๆ ส่วนที่บ้านก็จะวางพวกเทียนหอมและเครื่องกระจายกลิ่นหอมไว้ตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน อย่างในห้องน้ำจะเลือกใช้กลิ่น เอิร์ลเกรย์ อินฟิวชั่น ส่วนห้องนั่งเล่นก็จะเลือกกลิ่นแนวสดชื่นมีชีวิตชีวาอย่างกลิ่น อะโรมาติก วูด ห้องนอนก็จะใช้กลิ่นดอกลาเวนเดอร์และโรสแมรี่ ช่วยให้นอนหลับสบาย หากเราอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายก็สามารถทำให้เราพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ สุขภาพจิตเราก็จะดี สุขภาพกายเราก็จะดีด้วย”
วิชาดา เล่าว่า “กลิ่นหอมสำหรับเราถือเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันที่ขาดไม่ได้ เพราะกลิ่นหอมสามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนของเราได้ดี อย่างเวลาที่ต้องออกไปพบปะผู้คน ไปงานอีเว้นท์ต่างๆ กลิ่นหอมจะช่วยเสริมบุคลิกภาพและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวเอง ทำให้เรามีความรู้สึกมั่นใจมากขึ้น หลักการในการเลือกใช้กลิ่นหอมของเราจะเน้นกลิ่นที่เข้ากับการแต่งกายและประเภทของงานที่จะไป อย่างกลิ่นที่ชอบและใช้ประจำก็จะเป็น อีเดน บรีซ โซลิด เพอร์ฟูม และกลิ่น ซิกเนเจอร์ โซลิด เพอร์ฟูม โดยเราจะพกติดกระเป๋าไว้เพื่อเติมกลิ่นหอมในระหว่างวันบริเวณข้อมือ ต้นคอ และบริเวณหลังหู ส่วนในรถยนต์ก็จะมี ไทม์ ทู รีเฟรช ติดรถไว้สำหรับรับมือกับช่วงเวลาที่รถติด กลิ่นหอมๆ จะช่วยให้อารมณ์ดีและใจเย็นลงได้ ส่วนไอเดียการใช้กลิ่นหอมสำหรับโอกาสพิเศษต่างๆ เราจะพิจารณาว่าคอนเซ็ปต์ของงานเป็นแบบไหน อยากให้บรรยากาศของงานออกมาเป็นแบบใด หากเป็นงานที่เน้นความสนุกสนานกับเพื่อนๆ ส่วนมากเราจะเลือกกลิ่นอะโรมาติก วูด หรือ อีสเทิร์น ออร์ชาร์ด แต่หากเป็นงานสำหรับครอบครัวก็จะเลือกกลิ่นเอิร์ลเกรย์ อินฟิวชั่น หรือ อีเดน บรีซ เพื่อสื่อถึงบรรยากาศความอบอุ่นได้ดี”
การใช้ประโยชน์จากกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ เป็นศาสตร์แห่งการใช้กลิ่นหอมบำบัด (Aromatherapy) เพื่อสร้างความผ่อนคลาย ถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 6,000 ปี ตั้งแต่สมัยกรีก โรมัน และอียิปต์ มาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ประโยชน์ของน้ำมันหอมระเหย นอกจากจะช่วยเรื่องการนอนหลับแล้ว ยังสามารถช่วยสร้างสมาธิในการทำงาน สร้างบรรยากาศผ่อนคลายโดยสามารถเลือกเปลี่ยนกลิ่นได้ตามอารมณ์ความต้องการ รวมถึงใช้มอบเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษได้อีกด้วย
พิสูจน์ได้ที่ www.thann.co.th (ส่งฟรีทั่วประเทศ), ร้าน ‘ธัญ’ 12 สาขาทั่วประเทศ