MRBADBOYGO.COM ได้กลับมา ณ สัทธา อุทยานไทย จังหวัดราชบุรี อีกครั้งเพื่อมาชมความงดงามของงานแสดงไฟ Nasatta Light Festival ครั้งที่ 6 Winter Illumination 2024 ที่ปีนี้บอกเลยว่า ยิ่งใหญ่กว่า อลังการกว่า กับ 20 โซนที่ชวนให้ต้องถ่ายรูปและเซลฟี่กันได้อย่างสนุกสนานและจุใจ
งานแสดงไฟประจำปีนี้ได้เนรมิตสวนป่าด้วยเทคโนโลยีและเทคนิคการออกแบบแสงไฟ ผสมผสานกับศิลปะสถาปัตยกรรมไทย โดยทีมงานไลท์ติ้งดีไซน์เนอร์ วิศวกร โปรแกรมเมอร์ สถาปนิก และศิลปิน มืออาชีพที่ตั้งใจรังสรรค์งานแสดงไฟแต่ละจุดให้สวยงามมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลก ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 28 เมษายน 2567 ระหว่างเวลา 18:00-22:00น.
คุณพลอยพรรณ ขัตติยากรจรูญ ฝ่ายการตลาด ณ สัทธา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ปีนี้ มีเพิ่มขึ้นอีก 4 โซน จาก 16 โซน เป็นทั้งหมด 20 โซน คือ “โซนสุโขทัย (Sukhothai)” ที่มีการตกแต่งไฟทางด้านหน้าวิหารและก็จะมีไฮไลท์ในเรื่องของทุ่งดอกกระเจียว ที่เป็นงานฝีมือของคนในอุทยานและก็ชาวบ้านในอำเภอบางแพ ที่ช่วยการทำดอกกระเจียวทีละดอก “The Magic Cave Infinity Wall” มีการดีไซน์เพิ่มเติมโดยการใส่เทคนิคเข้าไปในถ้ำเพื่อเทรดสิ่งใหม่ “The Magic Pond” ตรงสระอโนดาษ ต้องลงไปข้างล่าง เดินจากถ้ำมาข้ามสะพาน ตรงที่มีไอน้ำที่อยู่ในคลองเล็กๆ ของเรา เป็นการจำลองสระอโนดาษในการจินตนาการของดีโซน์เนอร์ว่า ถ้าสระอโนดาษในสวรรค์ในป่าหิมพานต์จะเป็นแบบนี้ และ “Over The Horizon” อยู่ที่โซนที่ 11 ข้ามไปที่ เป็นลานโล่งและมีตุ๊กตาไฟรูปมังกร ลานกว้างมาก สุดลานกว้างก็จะมี Installation ที่เป็นกระจกสั่งผลิตพิเศษ กระจกปกติถ้าเราฉายไฟลงไปมันจะไม่จับแสง ความพิเศษของกระจกนี้ก็คือ ด้วยเทคโนโลยี่ของเขา เมื่อฉายไฟลงไปเขาจะจับแสง ทำให้เหมือนมีภาพลอยอยู่ เหมือนเป็น Illusion ว่า มีผีเสื้อลอยขึ้นมากลางอากาศ โดยการใช้กระจกพิเศษนี้ มุมและดีไซน์
นอกจากนี้ใน 16 โซนเดิมก็มี 5 โซนที่ได้รีดีไซน์ใหม่ คือ เริ่มตั้งแต่โซนแรกเลยที่พระมหากษัตริย์ทั้งสามพระองค์ จากเดิมที่เป็นในเรื่องของเส้นแสงที่เป็นวัดประจำรัชกาลของแต่ละพระองค์ เราได้เปลี่ยนเป็นสายน้ำและขุนเขา ข้างหลังเป็นขุนเขาและข้างหน้าเป็นสายน้ำ
“Season Change” เป็น Immersive Art โซนที่ติดกันที่เราทำให้เป็น 3 มิติมากขึ้น ปีที่แล้วเป็นลักษณะที่ว่าเป็นแค่ไฟปูพรมไปกับพื้น ปีนี้ไฟจะอยู่ใกล้เรามากขึ้น เราเปลี่ยนในเรื่องของเทคนิค การติดตั้งไฟที่เราใช้ “Thai Spirit” จิตวิญญาณแห่งสยาม ก็คือโซนองค์พระอยุธยา จะมีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของเฉดสีและดีไซน์ของดอกบัวที่ติดตั้งในลาน ข้ามมาตรงพระเชียงแสน “Sacred Wave” คลื่นศักดิ์สิทธิ์ รีดีไซน์ใหม่ให้เหมือนกับมีน้ำสีฟ้าไหลออกมาจากข้างหลังองค์พระรูปไหลตามบันไดลงมา
เสร็จแล้วก็ข้ามไป เราก็จะไปถึงโซน Kinetic ที่เราเรียกว่า “Glittering Song” ไฟขยับขึ้นลงได้และก็มีวงกระจก เป็น Kinetic Technique ที่เราสอดแทรกเข้าไปในการแสดงไฟ เพื่อสร้างให้เกิดการเคลื่อนไหวที่เป็นลูกคลื่น ซึ่งเกิดจากคำนวณทางคณิตศาสตร์ เพื่อโยงเส้นเพื่อเวลาที่วงกลมหมุนมันเกิดลูกคลื่น ซึ่งกลไกจะซ่อนอยู่ข้างบน
จุดสุดท้ายคือ “Lotus Journey” ที่มีเรือ ระหว่าง Magic Pond และ Glittering Song เหมือนเป็นป่าดอกไม้กับน้ำตก ไม่ได้ปรับน้ำตกใหม่แต่ไม่ได้สาดไฟที่น้ำตกเดิม เป็นการปรับ Element เหมือนการ rearrangement เพื่อให้ดูกลมกลืนกับพื้นที่มากขึ้น
โซนใหม่และ Redesign based on อะไร
Based on ว่าปีนี้ เราอยากโชว์ไอเดียใหม่ๆ ให้กับผู้เข้าชมว่า มันยังมีอะไรที่สามารถทำได้บนพื้นที่นี้อีกเยอะ โดยที่เติมเต็มในเรื่องของไม่ว่าจะตำนานไทยๆ ที่สอดแทรกอยู่ในวัฒนธรรม ผสมผสานในเรื่องของวัฒนธรรมสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความเชื่อ ในเรื่องของ Magic Pond ก็ดี ความเชื่อในเรื่องของสวรรค์ หรือ นักษัตรที่ ลานแห่งความสุขที่เป็นโคมไฟมังกร เราตีความหมายออกมาในเชิงของศิลปะ แต่แทนที่เราจะวาด ไม่ว่าจะระบายด้วยสีน้ำหรือสีเทียน เราใช้แสง
กระทงน้ำแข็ง มาจากปีนี้เป็นปีแรกที่เราเปิดตรงกับวันลอยกระทง เรามีความคิดว่า เราอยากจะทำการลอยกระทง มีกิจกรรมการลอยกระทง แต่เราไม่อยากมีขยะ เราก็เกิดไอเดียกระทงน้ำแข็งขึ้นมา เราคิดว่าไหนๆ เราก็ทำแล้ว เราก็อยากให้เป็นรูปกระทงจริงๆ ลอยได้จริงๆ มันไม่ใช่น้ำแข็งทั่วๆ ไป ซึ่งมันจมหรือลอยขึ้นมาแค่ปริมเดียว ก็เลยผ่านการดีไซน์ การคำนวณ ตามหลักวิทยาศาสตร์ ฟิสิกซ์ด้วย เรื่องโหลดกับการบาลานซ์ เพื่อให้มันลอยได้
คุณพลอยพรรณ พูดถึงปีหน้าว่า เราอยากจะทำอะไรที่เป็น Interactive มากขึ้น มีอะไรมากขึ้นกว่าการชมไฟและถ่ายรูปสวยๆ
บัตรราคา 300 สำหรับผู้ใหญ่ และ 200 สำหรับเด็ก ระหว่างเวลา 18:00-22:00 หรือ 350 และ 250 ระหว่างเวลา 9:00 -22:00 ติดตามได้ทาง https://www.facebook.com/nasatta.thai, www.nasattalightfestival.com