10 ที่สุดแห่งความเป็น “ไปรษณีย์กลางบางรัก”

“อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก” แลนด์มาร์กสุดคลาสสิกและมีเสน่ห์ทางสถาปัตยกรรมบนถนนเจริญกรุง ไม่ใช่ได้รับความนิยมในการถ่ายภาพหรือทำคอนเทนต์เท่านั้นแต่ยังเป็นซอฟต์พาวเวอร์ในมิติสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ด้านการสื่อสารของคนไทย ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยอาคารแห่งนี้ก็ไม่เคยถูกมองว่าเชยหรือเลือนหายไปกับกาลเวลา10 สตอรี่ที่ทำให้ไปรษณีย์กลางบางรักจากวันแรกจนถึงวันนี้ยังอยู่ในความทรงจำของทุกคน

จุดเริ่มต้นกิจการไปรษณีย์ไทย

ถ้าใครอยากรู้ว่าต้นกำเนิดของไปรษณีย์ไทยเป็นอย่างไร สิ่งแรกที่ไม่อยากให้พลาดก็คือด้านหน้าของอาคารไปรษณีย์กลาง ที่มีพระอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์  กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดชผู้สำเร็จราชการกรมไปรษณีย์โทรเลขพระองค์แรก โดยนอกจากจะเป็นผู้ทรงวางรากฐานระบบไปรษณีย์แล้ว ยังทรงริเริ่มระบบตั๋วแสตมป์เพื่อเป็นค่าฝากส่ง และยังทรงเป็นผู้ให้กำเนิดคำว่า “โพสต์แมน” ก่อนจะมาเป็น “บุรุษไปรษณีย์” หรือที่ปัจจุบันรู้จักกันว่า “พี่ไปรฯ” ในทุกวันนี้

ที่ทำการที่สวยที่สุดในประเทศ

ไปรษณีย์กลางบางรัก มีความพิเศษที่ซ่อนอยู่ในอาคารมากมาย ตั้งแต่การออกแบบอาคารสไตล์อาร์ตเดโคความตระการตาของประตูทางเข้าที่เป็นเหล็กหล่อประดับตราสัญลักษณ์ครุฑยุดแตรงอน เส้นสายที่เรียบง่ายและอาคารทรงเรขาคณิต สื่อถึงความหนักแน่นแข็งแรง ภายในโถงตึกไม่มีเสาเลยสักต้นเดียว ถือเป็นตึกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพสมัยนั้นที่เปี่ยมด้วยไปด้วยพลังและความสง่างาม เครื่องแบบของพนักงานที่มีการออกแบบในลักษณะร่วมสมัยและเข้ากับบรรยากาศของที่ทำการแบบไม่มีที่อื่นในประเทศ ในส่วนของเคาน์เตอร์ก็ได้มีการจำลองแบบของประตูประดับมาไว้ด้านหลัง ส่วนด้านนอกของอาคารก็มีความสวยงามตามฉบับศิลปะอาร์ตเดโคที่นำความเป็นตะวันตกยกมาไว้ ณ ที่แห่งนี้แบบลงตัว    

ประติมากรรมนูนต่ำหนึ่งเดียวในโลก

นอกจากความสวยงามจากการออกแบบแล้ว สิ่งต่อมาที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมก็คืองานประติมากรรมภาพแสตมป์นูนต่ำจำนวน 8ชิ้น ที่ประดับผนังห้องโถงไปรษณีย์นฤมิตทั้งสี่ด้านของอาคาร และอีก 1 ชิ้น ถูกค้นพบภายหลังจึงนำไปประดับที่โถงบันได โดยเป็นผลงานที่ออกแบบโดยบิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยไทยอย่างศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี โดยผลงานที่ประดับในอาคารเหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนในเรื่องความสวยงามเท่านั้น แต่ยังบอกเล่าถึงยุคสมัยของกิจการไปรษณีย์โทรเลขตั้งแต่ยุครัชกาลที่ 5 จนถึงปัจจุบัน และต้องบอกว่าหาชมที่ไหนไม่ได้บนโลกแน่นอน

จินตนาการไปกับอดีตกับภาพที่ยังมีชีวิต

ความน่าสนใจที่นอกเหนือไปจากประติมากรรมก็คือภาพเก่าที่จัดแสดงอยู่ภายในอาคาร บริเวณชั้น 3ที่ไม่มีเผยแพร่ที่ไหน โดยภาพทุกภาพต้องบอกว่ายังเสมือนมีชีวิตซ่อนเรื่องราวสำคัญต่างๆไว้มากมาย เช่น ภาพแบบร่างอาคารที่ไม่ได้สร้าง ก่อนที่จะมาเป็นอาคารในรูปแบบปัจจุบัน ภาพการทำงานของไปรษณีย์ไทยและบุรุษไปรษณีย์ในอดีต อีกทั้งยังมีภาพที่ทำการไปรษณีย์ที่สำคัญที่เคยใช้อำนวยความสะดวกให้กับผู้คน ความรุ่งเรืองของกิจการที่ยังคงส่งต่อมาจนถึงปัจจุบัน บอกเลยว่านี่คืออีกหนึ่งไฮไลท์ที่ทุกคนไม่ควรพลาด

ครุฑยุดแตรงอน ศิลปะแห่งงานปั้น

ใครมีแพลนจะไปเก็บภาพที่ไปรษณีย์กลางบางรัก แล้วไม่ได้ขึ้นไปบนจุดสูงสุดของอาคารต้องบอกว่าเหมือนมาไม่ถึง เพราะบนดาดฟ้าของอาคารคือที่ที่เราจะได้พบกับความอันซีนของรูปปั้นครุฑยุดแตรงอนขนาดใหญ่ 3 เท่าของคนจริง โดยรูปปั้นนี้เคยเป็นสัญลักษณ์ของกรมไปรษณีย์โทรเลข มีลักษณะกายวิภาคด้วยท่ากางปีกที่ดูมีพละกำลัง กำยำ น่าเกรงขาม แตกต่างจากครุฑที่เห็นทั่วไปที่ไม่ได้มีลวดลายอ่อนช้อยซึ่งใครที่เคยเก็บภาพกับองค์พญาครุฑจะทราบดีว่า ภาพที่ถ่ายออกมานั้นดูทันสมัยแบบศิลปะสมัยใหม่ ยิ่งถ่ายในช่วงเวลาเย็นนั้นภาพที่จะออกมาสวยงามเป็นพิเศษ โดยนอกจากความงามทางศิลปะยังมีความเชื่อกันอีกว่าพญาครุฑ 2 องค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก มีเรื่องเล่ากันว่าช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อาคารไปรษณีย์กลางเป็นที่ที่ใกล้การทิ้งระเบิดโดยฝ่ายสัมพันธมิตรแต่กลับได้รับความปลอดภัยซึ่งชาวบ้านร่ำลือกันว่า เห็นพญาครุฑ 2 องค์ที่อยู่หน้าตึกบินไปปัดลูกระเบิดนั่นเอง

เหนือกว่าพื้นที่ส่งจดหมายและศิลปะ

ใช่ว่าคำว่าไปรษณีย์จะเป็นคีย์เวิร์ดที่จำกัดแค่เรื่องการส่งเท่านั้น จากชุมทางระบบสื่อสารไทยที่รุ่งเรืองในอดีต ในการเป็นศูนย์กลางการรับ คัดแยก และส่งต่อสิ่งของทางไปรษณีย์แล้ว ปัจจุบันมีการใช้ประโยชน์จากอาคารที่มีคุณค่าทางศิลปะให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด โดยภายในนอกจากจะมีเคาน์เตอร์บริการแล้วฝั่งใต้ของอาคารยังเป็นที่ตั้งของศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ หรือ TCDCสำหรับคนที่กำลังมองหาแรงบันดาลใจในด้านงานอาร์ต การต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ และผลงานการดีไซน์เจ๋ง ๆ ของคนไทย มีโรงละครสุดคลาสสิคที่รองรับการจัดประชุม การแสดงแขนงต่าง ๆ  ตลอดจนมีห้องโถง พื้นที่ส่วนกลาง ดาดฟ้าที่ทุกคนสามารถเอ็นจอยกับการถ่ายรูปได้แบบไม่รู้จบเลยทีเดียว

ไปรษณีย์กลางกับห้องแห่งความ (ไม่) ลับ

น้อยคนที่จะรู้ว่าที่ไปรษณีย์กลางก็มีพิกัดลับอยู่กับเค้าด้วย โดยมีสองจุดไฮไลต์ที่เรียกได้ว่าควรค่าแก่การเข้าถึง ซึ่งที่แรกคือห้องใต้ดินอาคารชั้นล่างของตึกไปรษณีย์กลางที่เป็นชั้นต่ำกว่าระดับพื้นดินมีพื้นที่กว้างใหญ่ถึงกว่า 1,500 ตารางเมตรนับเป็นห้องใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในขณะนั้นในอดีตเมื่อแรกสร้างใช้สำหรับเก็บสิ่งของและงานบางอย่างต่อมาใช้เป็นคลังเก็บตราไปรษณียากรและภายหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่พ.ศ. 2485 ห้องใต้ดินก็ไม่ได้ใช้งานอีกต่อไปมาในพ.ศ. 2555 เมื่อมีการปรับปรุงตึกไปรษณีย์กลางครั้งใหญ่ได้ปรับปรุงให้สามารถใช้งานได้สำหรับจัดนิทรรศการและกิจกรรมต่างๆส่วนอีกที่คือ ลิฟต์ดั้งเดิมเป็นลิฟต์ที่ออกแบบก่อสร้างมาพร้อมกับการก่อสร้างอาคารไปรษณีย์กลางเมื่อพ.ศ. 2478 ติดตั้งอยู่บริเวณเชิงบันไดขึ้นอาคารชั้น 2 และชั้น 3 เป็นลิฟต์ยี่ห้อชินด์เด่อร์ที่สั่งเข้ามาจากเยอรมนีมีประตูชั้นนอกเป็นไม้ยืดแบบอาคารพาณิชย์รุ่นเก่าส่วนตัวลิฟต์มีประตูบานเหล็กทึบแบบบานเลื่อนด้านบนภายนอกมีหน้าปัดครึ่งวงกลมแสดงการขึ้นลงของลิฟต์ภายหลังการบูรณะอาคารไปรษณีย์กลางครั้งใหญ่เมื่อพ.ศ. 2555 ได้ปิดใช้งานลิฟต์ดังกล่าวโดยไปติดตั้งลิฟต์ที่ปีกอาคารทั้งสองด้านและได้อนุรักษ์ช่องปุ่มเรียกลิฟต์เดิมไว้เป็นประวัติศาสตร์

“ไปรษณีย์กลาง” รอยต่อร้านอร่อย

อีกเหตุผลที่ต้องไปไปรษณีย์กลางคือ ที่นี่เป็นพื้นที่ที่ใกล้ร้านอร่อยเป็นจำนวนมาก ซึ่งนอกจากจะอิ่มใจกับคอนเทนท์ในอาคารแล้วทุกคนยังสามาถอิ่มท้องไปกับร้านอาหารระดับตำนานที่อยู่โดยรอบไม่ว่าจะเป็น ไอศกรีมฮงฮวด ของหวานสูตรโบราณที่ขายมานานกว่า 80 ปี เติบโตเคียงคู่มากับไปรษณีย์กลางบางรัก ชิมเมนูแกงเขียวหวานที่ทานคู่กับโรตี ร้านฮาร์โมนิค หรือหากอยากจะจัดเครื่องดื่มอร่อยชื่นใจ ก็เพียงข้ามไปที่ฝั่งตรงข้ามกับร้านมาดิ และยังมีร้านอื่น ๆ เช่น วัวทองโภชนาสำหรับคนรักเนื้อและอาหารสไตล์จีน ข้าวหมูแดงหมูกรอบบ้านบางรัก เป็นต้น

พื้นที่เที่ยวเล่นและบรรยากาศที่เป็นใจ

ใครที่เที่ยวชมภายในอาคารชนิดที่ว่าครบแล้วแต่อยากให้ครบยิ่งกว่า ในช่วงเวลาเย็นบริเวณหน้าอาคารจะมีการเปิดไฟประดับหลากสีสันสาดส่องขึ้นบนอาคาร ให้ความสวยงามอีกอารมณ์ แปลกแตกต่างจากตอนกลางวันโดยสิ้นเชิง เป็นจุดเช็กอินยอดฮิตที่ใครต่อใครพากันมาแวะเวียนไม่ขาดสาย หรือหากใครอยากเห็นและเก็บบรรยากาศตอนเย็นให้ได้ยิ่งกว่าตัวอาคาร ที่นี่ยังมีริมน้ำซึ่งเป็นท่าเรือสำหรับใช้สัญจรจริงหลังอาคารบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ ซึ่งจะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยายามพลบค่ำ และบรรยากาศนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าในยามราตรี

Grand Postal Building ยิ่งกว่า POSTiverse

ด้วยชื่อ Grand Postal Building จึงทำให้ที่แห่งนี้มีการจัดงานใหญ่ ๆ แกรนด์ ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นงานระดับโลก งานระดับชาติ หรืองานแฟชั่นโชว์ก็ผ่านการอวดโฉมสู่สายตาคนไทยมาแล้วทั้งสิ้น โดยเฉพาะในปลายปีนี้ที่จะมีการใช้ไปรษณีย์กลางจัดอีเว้นท์ใหญ่ระดับโลกอย่างการจัดงานแสดงตราไปรษณียากรโลก 2566 และปิดพื้นที่อวดโฉมความสร้างสรรค์ซอฟต์พาวเวอร์และย่านเจริญกรุง รวมถึงการฉลองครบรอบ 140 ปีกิจการไปรษณีย์ไทยและส่งพลังความสุขให้กับคนไทย โดยเตรียมตัวพบกับไฮไลท์สำคัญที่ไม่ว่าจะเป็นนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “เจ้าฟ้านักสะสม” จำลองพิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรส่วนพระองค์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีแสตมป์ที่แพงที่สุดในโลกและเอเชีย สิ่งสะสมสุดพิเศษจากนักออกแบบชื่อดัง และศิลปินกลุ่ม Art Toy มินิคอนเสิร์ตจากวงดนตรี New Gen และศิลปินรุ่นใหม่ รวมร้านเด็ดจากทุกตรอกซอกซอยและมุมถ่ายภาพสุดเก๋ ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน ถึง 3 ธันวาคม 2566

ติดตามได้ที่ www.thailandpost.co.th, Facebook: บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด, Twitter: @Thailand_Post, Line: @Thailand Post, TikTok: @thailandpostchannel

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *