สองพี่น้องดูโอขวัญใจวัยรุ่นยุค 2000 เจ้าของตำนานผมรากไทร “กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล” และ “ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล” มาเคลียร์ใจแบบหมดเปลือกในรายการ WOODY FM ไมค์เล่าทั้งน้ำตาเผยเหตุผลที่บินไปทำงานที่จีนเพราะโดนดูถูกเหยียดหยามจากคนในวงการ รู้สึกไม่มีที่ยืนในสังคมจนหมดแพชชั่นชีวิต ไม่มีความสุขอยากก้าวข้ามความรู้สึกเหล่านี้ไปและเผยความในใจต่อกันระหว่างพี่น้องที่ไม่เคยพูดกันทาง Podcast: WOODY FM, Facebook: Woody, YouTube: Woody ทุกวันพุธ เวลา 19.00 น.
ไมค์: เอาจริงๆเลยตอนนั้นดังจาก Full House แล้วก็มีคนมาตามอยู่หลายรอบเลยว่าไปจีนไหมไปต่างประเทศไหมผมก็ยังไม่ได้ไปครับแล้วก็เกิดข่าวคราวต่างๆเมื่อสมัยโน้นนานมาแล้วคือหลังจากข่าวนั้นหลายๆอย่างมันก็เปลี่ยนไปเวลาออกไปไหนสายตาคนที่มองเราคือด้วยความที่ปกติผมก็เป็นคนที่ระแวงสายตาคนอยู่แล้วอันนี้มันยิ่งทวีคูณเข้าไปผมรู้สึกว่าสายตาคนที่มองผมคือความเหยียดหยามความดูถูกเวลาผมไปเดินห้างหรืออะไรแบบนี้หลังๆผมก็เลิกเดินหรือแม้กระทั่งคนในวงการผมก็รู้สึกอย่างนั้น
รู้สึกว่าเวลาไปงานวันเกิดเพื่อนหรืองานที่ๆมีคนในวงการเยอะๆสายตาพวกเขาเวลามองผมคือพวกเขาอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ได้นะแต่คือความระแวงความกังวลของผมมันคิดแบบนั้นไปแล้วว่าเขากำลังขยะแขยงเราอยู่เขากำลังมองเราด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามซึ่งผมไปงานๆหนึ่งแล้วผมรู้สึกได้เลยว่าคนล้อมเยอะมากแต่ว่าไม่มีใครมาคุยกับผมเลยทุกคนแค่เดินมาสวัสดีทักทายแล้วก็ไปเหมือนผมยืนอยู่กลางวงแล้วแบบไม่รู้ผมมาทำอะไรที่นี่
ตอนนั้นผมก็รู้สึกว่าเราไม่มีที่ยืนตรงนี้แล้วไม่มีใครอยากเข้าใกล้เราแล้วมันแบกรับความรู้สึกนี้อยู่เป็นปีเราก็ไม่ไหวแล้ววันหนึ่งที่มีคนมาบอกว่าไปจีนวันนั้นผมตัดสินใจไปเลยเพราะว่าถ้าผมยังอยู่ตรงนี้ต่อไปตายแน่ไม่รอดไม่ไหวแล้วพอผมไปจีนรู้สึกว่าไม่ได้มีใครมาสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นที่ไทยแล้วเขายินดีที่จะอ้าแขนต้อนรับเราแบบไม่มีอคติไม่มีกำแพงแล้วผมรู้สึกมีความสุขมากเลยรู้สึกว่าต่อให้งานมันจะยากกว่าต้องไปนั่งท่องบทต้องฝึกภาษาจีนเหนื่อยกว่าหลายเท่าแต่มันก็มีความสุขกว่านะมากกว่าอยู่ที่นี่แล้วรู้สึกว่าทุกคนเหยียดหยามเรา
ช่วงที่เป็นข่าวก็มีคนพูดถึงเยอะแต่ทุกคนก็รอคอยว่าไมค์จะยังไงต่อ?
ไมค์: มันโดดเดี่ยวพี่มันตัวคนเดียวจริงๆถ้าให้นึกย้อนในความรู้สึกตอนนั้นจะอยู่ต่อไปทำไมไม่รู้จะไปทางไหน (น้ำตาคลอ) ไปทางไหนก็ตันไปหมดเลย
วันที่ดาร์กที่สุดเหตุการณ์เป็นยังไง?
ไมค์:พูดได้ไหมก็คือกดดันมากจนก็อยู่นอกระเบียงแล้ว ( น้ำตาคลอ ) รู้สึกเหมือนมันไม่มีทางออกเลย
มันน่าจะเป็นประโยชน์กับหลายคนที่เจอทางตันและหาทางออกไม่ได้?
ไมค์: คือการที่เราเกิดเป็นผู้ชายคุณเป็นผู้ชายคุณจะอ่อนแอไม่ได้ต้องเข้มแข็งจะมาร้องไห้อะไรแต่แค่อยากจะบอกว่าคนที่เขาไม่ได้มาอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเราเขาไม่มีทางเข้าใจเลยว่าเรื่องที่เราต้องเจอต่างๆคือเรื่องที่ทุกคนเห็นในสื่อมันเป็นแค่เศษเสี้ยวที่ผมเจอเท่าที่ออกสื่อได้มันยังมีอีกมากมายที่อยู่ใต้น้ำที่เราพูดไม่ได้วันนั้นผมก็พยายามทำตัวเข้มแข็งนะแต่ณปัจจุบันผมจะบอกว่าจริงๆพอเราเริ่มรู้ตัวในวันนั้นเราไม่ได้อ่อนแอเลยเราเข้มแข็งที่สุดแล้วด้วยซ้ำแต่เพียงแค่เรื่องที่เราเจอมันอาจจะแปลกเยอะไปจนเราดูเหมือนคนอ่อนแอหรืออาจจะเป็นทางอาการป่วยทางเคมีหรืออะไรสักอย่างที่มันเป็นความเศร้ามากๆจนมันควบคุมไม่ได้
กลอฟ์: เป็นเพราะว่าไมค์เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดด้วยครับไม่บอกว่ารู้สึกอะไรเป็นคนที่เก็บอยู่คนเดียวเราทั้ง 2 คนอยู่วงการนี้ตั้งแต่เด็กมันจะเจอข่าวโน้นข่าวนี้อย่างกลอฟ์เองก็จะเจอข่าวเรื่องแฟนบางทีเราก็รู้สึกว่าทำไมต้องมาเจอแบบนี้ต้องออกมานั่งพูดในเรื่องอะไรแบบนี้แล้วต้องให้สังคมเข้าใจในยุคนั้นอาจจะไม่เหมือนในยุคนี้ที่อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันหลายมุมมองแต่ตอนนั้นมันอาจจะมีแค่มุมมองเดียวสื่อว่าไปทางไหนคนอ่านผิวเผินก็จะตีความไปแบบนั้นเลยคนหมู่มากก็จะคิดแบบนั้นทำให้เรารู้สึกว่าไม่แฟร์มันมีบางอย่างที่อยากให้เข้าใจว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้นอย่างกลอฟ์ก็มีช่วงชีวิตที่ดาวน์เหมือนกันที่หายไปช่วงหนึ่งหลังจากที่แยกกลอฟ์ไมค์แต่โชคดีที่กลอฟ์กับไมค์ต่างกันนิดหนึ่งที่กลอฟ์จะมีความAlert สนุกสนานเฮฮาเอาพลังบวกตรงนั้นกับสิ่งที่เราอยากจะทำความฝันให้เราออกมาจากจุดๆนั้นได้เพราะเชื่อว่าถ้าเรามีสกิลทักษะเราจะไม่หายไปจากวงการบันเทิงเราจะสามารถอยู่ได้ด้วยศักยภาพของเรา
แต่ละคนไม่เหมือนกัน?
ไมค์: เพราะผมพยายามแล้วมันเหนื่อยแบบบางคนเจอผมรู้สึกว่าผมเข้าหายากแต่จริงๆไม่ใช่คือผมแค่เหนื่อยที่จะแสดงอารมณ์ความรู้สึกหรือสีหน้าการแสดงหน้าตาอะไรต่างๆเฉยๆคือทำๆได้แบบว่าAlert ได้แต่คือผมก็เป็นแบบนี้นิ่งๆแต่ก็Nice นะแต่คนเวลาเจอทำไมนิ่งจังเลยเขาก็จะมีความประทับใจที่ไม่ค่อยดีดูกวนตีนหรือเปล่า (หัวเราะ) แต่จริงๆไม่ใช่บอกทุกคนไว้ก่อนว่ามันไม่ใช่ไม่ได้เก็กไม่ได้อะไรด้วยแค่เหนื่อยที่จะแสดงอารมณ์ความรู้สึกอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าเราจะพยายามพูดอะไรไปเราคิดว่าถ้าเป็นเรามีคนมาทำแบบนี้ให้เราจะแฮปปี้มากแต่พอเราไปทำให้คนอื่นกลายเป็นว่าเขาบอกว่าทำไมเห็นแก่ตัวคิดเรื่องตัวเองคือเราคิดทุกอย่างเป็นตรรกะหมดเลยถ้าทำแบบนี้ได้ผลลัพธ์แบบนี้ทำแบบนี้คือดีอย่างงี้ๆเพราะอะไรจะมีเหตุผลอยู่ตลอดเวลาแต่พอบางทีพูดไปเขาไม่รับเขาไม่ฟังเราก็หยุดเลยแล้วพอเป็นแบบนี้เรื่อยๆเหมือนเป็นบทเรียนที่ซ้ำๆสุดท้ายเราก็เลยเลือกไม่พูดกับใครเลยเพราะมีความคาดหวังว่าถ้าเราพูดไปคนนี้เขาไม่เข้าใจหรอกก็ยิ่งกลายเป็น Introvert เรื่อยๆจนไม่อยากที่จะเปิดออกมากเกินไป
วันนั้นที่ไมค์ตัดสินใจจะจบชีวิตตัวเองมีสติอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อหลายๆคน?
ไมค์: เอาจริงๆนะพี่ตอนนั้นขาผมออกไปแล้วครึ่งก้าวถอยกลับเข้ามาแล้วก็ไปหาที่นั่งตรงลานจอดรถนั่งอยู่นานมากแต่ไม่คิดอะไรเลยมันเบลอทุกครั้งก็จะเป็นประมาณนี้บางทีหนักหน่อยก็จะมีภาวะหายใจเร็วเกินไปมือเกร็งหน้าชาลิ้นชาแต่พอมันผ่านมาได้ผมรู้สึกว่าอายุ 30 คือจุดเปลี่ยนไม่รู้ว่าเปลี่ยนเพราะอะไรอายุดวงดาวโหราศาสตร์หรืออะไรก็แล้วแต่รู้สึกได้ทันทีเลยว่าจิตใจเราแข็งแกร่งขึ้นมันเข้มแข็งขึ้นจนโอเคถ้าเรากลับไปพูดถึงมันยังมีความเศร้าอยู่ความรู้สึกพวกนั้นไม่ได้หายไปเลยนะแต่เราเลือกที่จะไม่ไปต่อต้านมันผมแค่เปลี่ยนMindset นิดเดียวเลยว่าเราจะอยู่ร่วมกันยังไงเราจะเข้ากันได้ยังไงความรู้สึกกับตัวเราจะอยู่ร่วมกันบนโลกนี้ได้ยังไงผมก็เลยเพิ่มเข้ามาคำหนึ่งก็คือไม่ต้องไปแคร์อะไรมากอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดแล้วมันก็จะผ่านไปเดี๋ยวมันก็ผ่านไปไม่มีอะไรใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้วถ้าเราผ่านใกล้เส้นความตายมาแล้วทุกเรื่องคือเรื่องเล็กหมดตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่เริ่มต้นใหม่ได้เสมออีกอย่างหนึ่งถ้าเราไม่อยู่จากโลกนี้ไปแล้วไงต่อเราก็เป็นได้แค่ความทรงจำสุดท้ายก็เจ็บปวดคนเดียวอยู่ดีไม่มีความหมายก็เลยตัดสินใจที่จะไปต่อแล้วพุ่งชนทุกอย่างตอนนั้นก็เลยไปจีนแล้วพุ่งชนทุกอย่าง
ตอนนั้นคุณเป็นกำลังใจให้กับเขาขนาดไหน?
กลอฟ์: เขาไม่ค่อยได้คุยความรู้สึกตรงนี้ให้ฟังเลยกลอฟ์มาได้ยินตอนทีหลังว่ามีเกิดเรื่องนี้ขึ้นแต่หลังๆก็พยายามถามเขานะแต่เหมือนไมค์เขาไม่ค่อยเปิดเขาจะไม่ค่อยพูดเรื่องความรู้สึก
ไมค์: พ่อแม่ก็ไม่ได้คุยครับคือเรื่องราวมันเยอะเหลือเกินแล้วเราไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงยังไงแต่รู้เป็นภาพรวมในหัวว่านี่คือเรื่องที่เรากำลังเจออยู่ผมคิดว่าความรู้สึกพวกนี้ถ้าพูดไปมันไม่เกิดประโยชน์ก็เลยไม่พูดสุดท้ายแล้วเราต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองไม่มีใครช่วยคุณได้นอกจากตัวเองผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าที่เราเจอเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีหลังจากนั้นผมก็ได้คำตอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้วดีเสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีหรือดีแล้วคุณจะรู้เองในอนาคต
ตอนนี้ผมก็กำลังหาอยู่คือปีนี้เป็นช่วงเวลาของการหาเลยว่าทำยังผมจะออกจากความรู้สึกเหล่านี้ได้ทุกวันนี้ยังหาไม่เจอยังไม่รู้คำตอบผมพยายามทำในสมัยก่อนทำแล้วมีความสุขแต่ตอนนี้ทำแล้วไม่มีความสุขแม้กระทั่งจะกินข้าวอะไรที่เคยกินแล้วอร่อยมันก็ไม่อร่อยเรื่องที่เคยทำแล้วมีความสุขที่สุดเราทำแล้วรู้สึกเฉยๆจนต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่ายังไงนะแต่ก็ดั้นด้นทำมันต่อไปเพราะต้องการหาคำตอบว่ามันพลาดตรงไหนหรือว่าความสุขเราไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วแล้วมันไปอยู่ตรงไหนเราต้องการอะไรกันแน่เหมือนคนหลงทางนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำไมปีนี้ผมยอมกลับมาทำคอนเสิร์ตกลอฟ์ไมค์จริงๆผมกลัวมากเลยนะผวาเลยกับการที่จะกลับมาทำงานที่นี่ด้วยเรื่องราวสมัยก่อนต่อให้มันเคลียร์ไปแล้วด้วยความที่มันยังเป็นดราม่าอยู่ในใจมันไม่มีทางหายผมก็เลยเอาคอนเสิร์ตกลอฟ์ไมค์มาเป็นจุดหนึ่งที่ต้องการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองกลับมาต้องการที่จะก้าวข้ามความรู้สึกเหล่านี้ผมต้องการระเบิดมันออกไปบนเวทีนี้ให้ผมกลับมามีความสุขมีแพชชั่นอีกครั้ง
ติดตามได้ทาง Facebook: Woody, Instagram: Woodytalk, YouTube: Woody, Twitter: @Woodytalk, TikTok: woodywoody, LINE: @woodytalk