“อุ้ม ลักขณา” เล่าทั้งน้ำตา ชีวิตเหมือนตกสวรรค์

นักแสดงสาวสุดเซ็กซี่ “อุ้ม ลักขณา” เปิดใจถึงเรื่องราวชีวิตเล่าทุกประเด็นหลังตัดสินใจหย่ากับอดีตสามี “บอล กฤษณะ” ที่คบหากันมากว่า 7 ปี เผยรู้สึกชีวิตเหมือนตกจากสวรรค์ตอนนี้ขอกลับมารักตัวเองยืนด้วยลำแข้งของตัวเองด้วยวัย 40 เดินหน้าต่อเพื่อลูกในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิม ทาง Podcast: WOODY FM, Facebook: Woody, YouTube: Woody ทุกวันพุธ เวลา 19.00 น.

ทุกอย่างดีเสมอทำให้เราได้เรียนรู้ทำให้เราโตขึ้น?

อุ้ม ลักขณา: ทำให้เราเรียนรู้เลยพี่ว่าไม่มีอะไรที่ยั่งยืน

สิ่งที่ได้เรียนรู้คืออะไรบ้าง?

อุ้ม ลักขณา: คือเราฝากชีวิตไว้กับเขาไงคะแล้วคิดว่าอุ้มทิ้งทุกอย่างเลยนะทิ้งตั้งแต่ทำงานวงการเพื่อที่จะมาใช้ชีวิตอยู่กับเขาทิ้งครอบครัวทิ้งเพื่อนสังคมทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเขาคนเดียวจนกระทั่งมีลูกแล้วมันก็เลยทำให้เราตัดหนทางการทำงานของตัวเองไปเลยเหมือนตัดโอกาสตัวเองไปด้วยแต่แฮปปี้นะเพราะเรามีลูกรู้สึกว่าความสุขของเราคือลูกแล้วก็คิดว่าฝากฝังชีวิตเราไว้กับคนๆนี้ก็เหมือนเป็นพวกเพ้อฝันในอดีตที่ผ่านมาว่าเป็นคนโลกสวยอยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่นอยากจะมีสามีที่ดีเพราะเห็นพ่อเราเป็นตัวอย่างเป็นต้นแบบของคนที่เป็นสามีของครอบครัวเราก็อยากจะมีมุมๆนั้นและในวันหนึ่งที่เราได้แต่งงานได้ใช้ชีวิตจริงๆ

เราก็รู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์เลยเนอะก็ยังพูดกับเขาอุ้มเคยกราบเท้าเขาในวันพ่อเมื่อปีที่แล้วก่อนที่จะมีเรื่องแล้วก็พาลูกๆไปกราบต้องทำให้ลูกเห็นเป็นตัวอย่างก็เอาพวงมาลัยไปกราบเท้าแล้วบอกเขาว่าขอบคุณ (น้ำตาคลอ) ที่เป็นพ่อที่ดีที่ดูแลอุ้มและเคยบอกเขาว่าเราโชคดีเนอะที่มีสามีที่ดีมากๆทุกคนจะบอกกับอุ้มตลอดว่าเหมือนกับเป็นผู้หญิงที่ถูกหวยรางวัลที่ 1 ที่มีผู้ชายที่ดูแลเราดีมากรักเรามากๆก็เลยทำให้เราไม่ได้คิดระแวดระวังหรือสงสัยเพราะทุกอย่างมันดีจริงๆ

มีเรื่องราวมากมายที่เราพยายามปรับตัวกันเยอะเพราะว่าคนเรามันอยู่ด้วยกันมา 7 ปีคนละพ่อคนละแม่คนละสังคมกันอะไรต่างๆก็เรียนรู้ซึ่งกันและกันมาเรื่อยๆแต่พอสุดท้ายมาเจอเรื่องที่ทำให้เราเหมือนตกมาจากสวรรค์เพราะเราไม่เคยคิดไม่เคยมีในหัวอุ้มแม้แต่วินาทีเดียวเลยที่จะไม่มีผู้ชายคนนี้ในชีวิตณวันนั้นนะคะวันที่เราพาลูกๆไปกราบเท้าเขายังบอกเขาว่าเราแก่ไปด้วยกันนะดูลูกเติบโตไปด้วยกัน (ร้องไห้) เพราะคิดว่าเขาคือคนสุดท้ายในชีวิตเราแล้วแต่แล้วมันก็ไม่ได้เป็นแบบที่ฝันไว้

โมเมนต์ตอนนั้นที่เราไปกราบมันคือภาพที่สมบูรณ์แบบ?

อุ้ม ลักขณา: ใช่ค่ะ

การอยู่คนเดียว Single Mom

อุ้ม ลักขณา: ต้องบอกว่าอุ้มก็เป็นคุณแม่ที่ดูแลลูกเองมาตลอดอยู่แล้วตลอดเวลาตั้งแต่เขาเกิดมาคลอดเองธรรมชาติดูแลเขาเองได้เห็นการเจริญเติบโตของเขาจริงๆเพราะลูกคนนี้คือสิ่งที่เราตั้งใจที่จะมีด้วยความรักของเราทั้งสองคนแล้วอุ้มก็ได้อยู่ในทุกๆช่วงสำคัญของเขาทุกๆจังหวะในชีวิตเลย

เรียกได้ว่าเป็นคุณแม่เต็มตัวที่ทิ้งทุกอย่างเลยค่ะไม่ได้ทำงานปั้มนมให้นมลูกกินกับเต้าดูแลเองทุกอย่างรู้ทุกขั้นกระบวนการของลูกเพราะฉะนั้นณวันนี้ถามว่าการดูแลลูกมันเปลี่ยนไปไหมมันไม่ได้เปลี่ยนเพราะมันเป็นอุ้มคนเดิมอยู่แล้วที่ดูแลเขาแต่สิ่งที่เราได้เห็นคือเขาเป็นเด็กที่ฉลาดมากเลยค่ะ 4 ขวบแต่เข้าใจอย่าคิดว่าเด็กสมัยนี้ไม่รู้เรื่องนะคะตอนแรกไม่เคยคิดว่าคนเรามันต้องอดทนเพื่อลูกแล้วลูกถึงจะมีความสุขได้แต่พอมาเจอกับตัวเองทำให้รู้เลยว่าถ้าเราไม่มีความสุขแล้วเราไม่มีแรงพอที่จะเลี้ยงเขาเขาจะได้รับผลกระทบนั้นอย่างเต็มๆเลย

ดิสนีย์เขารู้เขาสัมผัสได้ทุกอย่างแค่อุ้มนั่งนิ่งๆเขาก็จะแบบหม่าม้าร้องไห้ทำไมหม่าม้าเศร้าเหรอไปเอาดอกไม้มาให้อะไรแบบนี้ค่ะหม่าม้าดิสนีย์เป็นกำลังใจให้นะดิสโตขึ้นจะทำงานหาเงินดูแลม้านะโดยที่ไม่เคยสอนเพราะไม่ได้อยากคาดหวังว่าลูกโตขึ้นต้องเลี้ยงเราหรือต้องมาให้อะไรตอบแทนแค่เขามีความสุขในแบบที่เขาเป็นแค่ 4 ขวบสามารถพูดและแสดงออกมากๆเลยว่าเข้าใจหัวอกของเราถ้าเมื่อไหร่ที่อุ้มอ่อนแอเขาจะรู้ทันทีเลยทำให้รู้ว่าต้องเริ่มที่ตัวเราคือต้องรักตัวเองก่อนในเมื่อเหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้วไม่สามารถที่จะย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้แล้วเพราะเชื่อว่าเราทำดีที่สุด

อดทนมาจนถึงจุดที่มันสุดท้ายแล้วไม่ได้จริงๆก็ต้องยอมรับความจริงบนโลกใบนี้ยอมรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นและทำหน้าที่ความเป็นพ่อเป็นแม่ดีที่สุดเพื่อลูกให้เติบโตมาโดยที่ไม่รู้สึกว่าเขาขาดหรือว่าเขาจะไม่ภูมิใจในตัวพ่อเขาสิ่งหนึ่งที่อุ้มจะไม่สอนลูกเลยคือไม่สอนให้ลูกตัวเองรับรู้ถึงปัญหาว่าพ่อกับแม่มีปัญหาอะไรกันหรือเขาจะไม่ภูมิใจในตัวพ่อเขาอุ้มจะบอกเขาเสมอว่าป๊ะป๋ารักดีสนีย์มากและหม่าม้าก็รักดีสนีย์มากในวันนี้หม่าม้ากับป๊ะป๋าเป็นเพื่อนกันครั้งแรกเขาไม่เข้าใจนะคะเขาบอกว่าเป็นเพื่อนได้ยังไงแต่งงานกันก็ต้องเป็นสามีภรรยาสิ

เด็กแค่ 4 ขวบเขาพูดคำนี้ออกมาเราก็บอกว่าได้สิลูกแต่ป่ะป๊าหม่าม้าก็ยังรักลูกเหมือนเดิมคราวนี้เราต้องย้ายกลับมาอยู่กรุงเทพฯใช่ไหมคะเขาเกิดที่เชียงใหม่เขาก็พูดว่าบ้านเขาอยู่เชียงใหม่เพื่อนเขาอยู่เชียงใหม่ทำไมหม่าม้าต้องย้ายบ้านเราก็ตอบว่าบ้านพังป๊ะป๋าต้องอยู่ซ่อมบ้านก็เลยเปิดคลิปวีดีโอที่เป็นบ้านพังถล่มให้เขาดูแล้วก็บอกกับพ่อเขาให้เราพูดไปในทางเดียวกันว่าป๊ะป๋าต้องอยู่ซ่อมบ้านเดี๋ยวลูกกลับมาอยู่กรุงเทพฯกับหม่าม้าอากงเฮียก้าน้านิวซึ่งเขาก็แฮปปี้

เจอเรื่องราวแบบเราแล้วเขาขอคำปรึกษาบ้างไหม?

อุ้ม ลักขณา: มีนะคะก็มีว่าเขาไม่กล้ามูฟออนจากความสัมพันธ์แบบนี้โดนสามีทำมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่ก็ไม่สามารถที่จะเดินหน้าต่อไปได้ทำไมพี่อุ้มถึงใจเด็ดจังทำไมครั้งเดียวแล้วไปเลยคืออุ้มก็จะบอกว่าหนทางที่มันเดินทางร่วมกันมาอุ้มเคยบอกกับเขาเสมอว่าทุกๆเรื่องเราคุยกันได้เราปรับกันได้อุ้มกับเขาระยะทางที่ผ่านมามันมีปัญหามากมายอุปสรรคเยอะแยะไปหมดความไม่เหมือนกันของเราทั้งคู่แม้กระทั่งมีลูกแล้วก็ยังมีปัญหาโน้นนี่นั่นแต่มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ถ้าเรารักกันมากพอแล้วเราจับมือกันข้ามไปได้แต่ถ้ามันเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มันเป็นเรื่องที่คนเรามีบรรทัดฐานไม่เท่ากันซึ่งอุ้มมีบรรทัดฐานของอุ้มอยู่ที่จุดนี้แต่เขาไม่เคยแตะมาถึงจุดนี้มันให้อภัยกันได้คุยกันได้แต่เมื่อไหร่ที่เขาแตะอันนี้ไม่ได้

คิดว่าผู้หญิงหลายคนที่โดนทำร้ายร่างกายยังไม่กล้าออกจากความสัมพันธ์?

อุ้ม ลักขณา: เขาคงกลัวมั้งคะอาจจะคิดว่าไม่มีใครแทนที่คนๆนี้ได้หรือเปล่าเป็นความคิดมโนไปเองว่าไม่มีใครรักเราเท่านี้หรอกเราจะออกไปหาใครได้อายุขนาดนี้แล้วหรือมีคนชอบพูดอย่างนี้กับอุ้มคนสนิทบางคนนะอายุขนาดนี้แล้วอ่ะทำไมต้องออกไปเสี่ยงออกไปทำอะไรที่มันไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเจออะไรเราก็เลยย้อนกลับไปว่าแล้วทำไมเราถึงต้องเลือกที่จะอยู่ในจุดที่มันไม่มีความสุขแล้วไปต่อไม่ได้แล้วมันก็เป็นการตกลงคุยกันทั้งสองฝ่ายแล้วว่าเขาเลือกทางนี้เราเลือกทางนี้แต่เรามีทางตรงกลางเพื่อลูกแค่นั้นก็คือจบแล้ว

คุณเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงหลายคนให้กับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวต่างๆ?

อุ้ม ลักขณา: ใช่ค่ะเราไม่กล้าที่จะก้าวข้ามพื้นที่เซฟโซนมากกว่าเพราะเรารู้สึกว่าที่นี่คือที่ปลอดภัยของเรากลัวที่จะออกไปเจออะไรอายุ 40 แล้วนะออกไปทำงานใครจะจ้างแก่แล้วจะเล่นบทอะไรงานพรีเซ็นเตอร์จะมีเข้ามาจริงเหรอเราก็คิดว่าทำไมเราต้องดูถูกตัวเองด้วยทำไมถึงคิดว่าเราไม่มีศักยภาพมากพอที่เราจะกลับมาทำงานและยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง

ทำไมเราต้องเอาชีวิตของเราผู้กไว้กับคนๆหนึ่งซึ่งเราอยู่ตรงนั้นมันอยู่ไม่ได้อีกแล้วไม่มีความสุขอีกแล้วมันไม่ได้มีคุณค่าอีกแล้วเพราะฉะนั้นกลับมารักตัวเองค่ะเมื่อเรารักตัวเองเรารักคนรอบข้างเราโดยเฉพาะลูกเราจะมีพลังมากเลยนะลองคิดดูว่าคนที่นอนร้องไห้ทุกคืนๆเห็นหน้าเขาแต่เราต้องร้องไห้ไม่มีความสุขกลัวหวาดระแวงกับการที่เราใจแข็งสู้ดิทุกคนมันต้องมีทางไปและอุ้มก็เชื่อกับนิวเสมอเลยจะพูดกันตลอดอะไรเกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอสิ่งศักดิ์สิทธิ์เขาคงประทานมาให้เราได้เห็นได้รู้ไม่ตามืดตามัวคงบอกเราแล้วล่ะคุณมูฟออนต้องเดินออกไปสิต้องทำได้ต้องเชื่อมั่นในตัวเอง

แล้วแม่ของอุ้มจะพูดตลอดว่าเธอคืออุ้มลักขณาลักขณาฆ่าไม่ตายหม่าม้าบอกแล้วใช่ไหมเราดูแลตัวเองมาดีขนาดนี้ออกกำลังกายอย่างหนักดูแลตัวเองให้อายุ 40 แล้วยังดูสวยอยู่แล้วสวยกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำแล้วทำไมเธอถึงต้องด้อยค่าตัวเองก็อยากจะเป็นกำลังใจให้กับสาวๆคนที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเหมือนกันเราไปได้โดยเฉพาะเรามองหน้าลูกเรานอนกอดเขาเห็นหน้าเขามันมีพลังมหาศาลมากมายซึ่งทำให้เราแพ้ไม่ได้ยอมไม่ได้ต้องเป็นคนที่ดีกว่าเดิมต้องดีกว่าเดิมให้ได้มากกว่าเดิมด้วยเพื่อลูกของเรา

ติดตามได้ทาง Facebook: Woody, Instagram: Woodytalk, YouTube: Woody, Twitter: @Woodytalk, TikTok: woodywoody, LINE: @woodytalk

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *