หลังจากที่มีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์แตกหักเพราะความคิดเห็นไม่ตรงกันระหว่างคนยุคเก่าและคนยุคใหม่ ดร.มัลลิกา บุญมีตระกูลมหาสุข อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเคลียร์กับกระแสข่าวที่เกิดขึ้นว่าแท้จริงเป็นอย่างไร พร้อมจริงหรือไม่ที่เจ้าตัวกำลังจะออกจากการเมือง หากไม่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค รวมอีกหลายประเด็นที่คนวงในเท่านั้นที่รู้ ในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.15 น. ทางช่อง 8 กดเลข 27
เกิดอะไรขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ที่เก่าแก่ มีระบบ และความน่าเชื่อถือ?
มันเป็นช่วงเปลี่ยนภาพของยุค Disruptionและในขณะเดียวกันมันก็เป็น New normal แบบใหม่ แต่ขณะเดียวกันประชาธิปัตย์อาจยอมรับว่า เรายังไม่ได้ขยับในการที่จะปรับเปลี่ยนให้ทันยุคสมัยที่มันเปลี่ยนไป คือเป็นยุค Disruption แต่ละองค์กรอาจารย์จะสังเกตเห็นไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ หรือสื่อสิ่งพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่างๆ ที่เป็นโครงสร้างองค์กรที่เก่าแก่ หรือใหญ่ๆ แต่ถ้าเกิดว่ายุคสมัยเปลี่ยนไปทั่วโลกเปลี่ยนหมด เพราะฉะนั้นเนี่ย พอเป็นยุคแห่ง Disruption ถ้าเกิดว่าไปช้าหรือไปไม่ทัน และไม่ทันแม้แต่ก้าวเดียวเนี่ย มันก็จะตกสมัยไปเหมือนกัน ก็ต้องยอมรับ
พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย มันจะตกทอดไปถึง สส. รุ่นต่อไป?
ไม่จำเป็นคือ ยุคสมัยเปลี่ยนไป และโลก อย่างที่บอกมันเปลี่ยนการใช้ชีวิตแบบ New normal มากขึ้น และมียุค Disruption ในขณะเดียวกันยุคเหตุและผล ในแต่ละจังหวะ ช่วงยุค ช่วงวัย มันก็แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นเราจำเป็นที่จะต้องก้าวไปข้างหน้า เพื่อที่จะฟังเสียงตอบรับจากประชาชน เพราะตอนนี้เราต้องยอมรับนะคะ ประชาชน มันไม่ได้หมายความว่า ใช้ความคิดในก้อนเดียวอีกต่อไป เพราะประชาชนจำนวนมากเลยมีความคิดที่หลากหลายจำนวนมากขึ้น ดังนั้นเราจะเห็นจากประชาชนส่วนนึงมีความคิดในลักษณะของยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เหมือนพรรคก้าวไกลอย่างนี้ หรือประชาชนส่วนนึงมีความผูกขาดเกี่ยวกับเรื่อง ประชานิยมต่างๆ อย่างกรณีของ พรรคเพื่อไทย เป็นต้น หรือประชาชนส่วนนึงกลุ่มที่ยึดติดกับความเป็นอุดมคติ อุดมการณ์ส่วนตน แล้วก็อะไรต่างๆ กลุ่มนี้จะมีน้อยมาก และเป็นจำนวนที่คนลดน้อยถอยลงไป เพราะฉะนั้นทำอย่างไรที่จะทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลอย่างเท่าเทียมกัน แล้วพอเข้าถึงข้อมูลแล้วเนี่ย จะสามารถใช้เวลาที่สั้นที่สุด เข้าใจโครงสร้างประเทศ และเข้าใจโครงสร้างที่ควรในการพัฒนาอย่างแท้จริง และไม่ใช่ลักษณะของการไปหลอกลวงประชานิยม
ถ้า สส.ไม่ปฏิบัติตามมติพรรค เราจะถึงขั้นขับออกจากพรรค กุดหัวไปเลยไหม?
โดยปกติแล้วแต่ธรรมนูญของพรรค แต่ละพรรคนะคะ ในขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ มีการตั้งคณะกรรมการที่จะสอบสวน ศึกษา และข้อสรุปของคณะกรรมการ แต่โดยหลักเลยไม่ถึงขั้นต้องขับ ไม่ต้องถึงขั้นนั้น เพราะมติของพรรคมันเป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ สวน สส.เขาใช้เอกสิทธิ์ และมีเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด อะไรก็ตามรัฐธรรมนูญต้องใหญ่กว่า ประเทศชาติต้องใหญ่กว่าพรรคนะคะ เพราะฉะนั้นธรรมนูญของพรรค ข้อกำหนดของพรรค แม้ว่าจะเป็นวินัย แต่ในขณะเดียวกัน มันอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ สส.เขาใช้เอกสิทธิ์ภายใต้รัฐธรรมนูญได้ อันนี้หลักก่อนนะคะ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าพูดถึงเรื่องวินัย ก็มาดูธรรมนูญ หรือกติกาของพรรค ทีนี้หัวหน้ารักษาการคุณจุรินทร์ ตั้งกรรมการขึ้น เพื่อที่จะสอบ กรรมการที่จะสอบก็ต้องดูว่าเขาจะมีเหตุผลอะไร มีความจำเป็นสิ่งใด และหลังจากนั้นก็จะมาดูว่าขับ หรือไม่ขับ ซึ่งสำหรับดิฉัน ตัดสินใจได้เลยว่าไม่ต้องขับ และไม่สามารถที่จะขับได้
ดร.มัลลิกา จะเปลี่ยนย้ายพรรคใช่ไหมคะ?
ไม่หรอกค่ะ ดิฉันคิดว่าอาจจะต้องเว้นวรรคทางด้านการเมือง แล้วอาจจะต้องไปทำอย่างอื่น และสามีก็อยากให้โฟกัส เดี๊ยนรู้ เป็นข้ออ้าง? (หัวเราะ) ไม่ใช่ค่ะ ณ เวลานี้ก็ต้องจะเว้นวรรคทางการเมือง ถ้าเกิดไม่ได้เป็นผู้นำพรรค หรือไม่ได้ทำในส่วนของแกนนำพรรคนะคะ ก็คงจะต้องไปดูแลครอบครัว แล้วก็มีเวลา อาจจะต้องเว้นวรรคทางการเมืองสักพักนึง แล้วก็หาอย่างอื่นทำ เพราะว่า ตอนนี้มีหลายเรื่องที่จะต้องไปทำ คือคนนึงมันมีหลายเรื่องไม่ใช่แบกการเมืองไว้ทั้งหมดค่ะ
ข่าวท่านนายกฯ ท่านนั่งรถใหม่ 7 ล้านกว่า สวยเชียว?
ตกลงโฆษณาให้เขาหรือเปล่า ต้องถามเลยว่า ต้องระวังมากๆ ในการเป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากนายกรัฐมนตรีนั่งรถคันนี้ ปรากฏว่า เขาโฆษณาขายกันใหญ่เลยค่ะ