“Gran Turismo แกร่งทะลุไมล์” เริ่มซิ่งแล้ววันนี้

ภาพยนตร์ “Gran Turismo แกร่งทะลุไมล์” สร้างจากเรื่องจริงของสายซิ่งบนเกมเพลย์สเตชั่นสู่สนามจริงระดับโลก “ยานน์ มาร์เด็นเบอระ” (Jann Mardenborough) จากเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ชอบเล่นเกม “แกรน ทัวริสโม” สู่เส้นทางนักแข่งรถมืออาชีพที่ชนะในการแข่งขันรถของนิสสัน (Nissan Competitions) เปิดฉายรอบพิเศษตั้งแต่วันที่ 24 – 30 สิงหาคม และฉายปกติวันที่ 31 สิงหาคม ในโรงภาพยนตร์

ภาพยนตร์เรื่องนี้ กำกับโดยนีลล์ บล็อมแคมป์ (Neill Blomkamp) และแสดงโดยอาร์ชี่ มาเดควี (Archie Madekwe), โยชา สตราดอฟสกี (Josha Stradowski), เดวิด ฮาร์เบอร์ (David Harbour), ออร์แลนโด้ บลูม (Orlando Bloom), ดาร์เรน บาร์เน็ต (Darren Barnet), เจรี ฮัลลิเวลล์  ฮอร์เนอร์ (Geri Halliwell Horner) และ ไจมอน ฮอนซู (Djimon Hounsou) บอกเล่าเรื่องราวของ ลูคัส และ ธอมัส สองเพื่อนซี้ที่หลงใหลในเกมแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจ พวกเขาใช้เวลาหลายชั่วโมงไปกับการเล่นเกม Gran Turismo และมีความฝันว่าวันหนึ่งจะได้เป็นนักแข่งรถมืออาชีพ พวกเขาตัดสินใจร่วมลงแข่งรถในสนามจริงรายการ 24 Hours of Le Mans

ยานน์ มาร์เด็นเบอระ (ผู้ร่วมอำนวยการสร้าง) วัย 31 ปี ได้ทำการแข่งขันในระดับโลกมานานกว่าสิบปี อาทิเช่น การแข่งขันซูเปอร์ จีที, ฟอร์มูลา อี, แอลเอ็มพี1, แอลเอ็มพี2, จีที3 รวมถึงการแข่งขันรถยนต์ที่นั่งเดี่ยวมากมาย และประสบความสำเร็จทั่วโลก เขาเป็น “คอเกมสู่นักแข่ง” ตัวจริงเสียงจริง ประสบความสำเร็จอย่างยาวนานนับตั้งแต่เขาได้แจ้งเกิดในวงการในปี 2011 เมื่อเขาแซงคู่แข่ง 90,000 คนและคว้าชัยมาได้ในการแข่งขันจีที อคาเดมี่ ซึ่งจัดโดยนิสสันและ “Gran Turismo”

“Gran Turismo” วิดีโอเกมที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Polyphony Digital Inc ในเครือ Sony Interactive Entertainment Inc เปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2540 ซึ่งได้คว้ารางวัลอันทรงเกียรติมากมายและได้ถูกยกย่องให้เป็นเกมจำลองการขับรถยนต์เสมือนจริงที่ดีที่สุดและมีความโดดเด่นเฉพาะตัวสูงสุดด้วยภาพกราฟฟิกที่สมจริง, เทคโนโลยีการสร้างภาพเคลื่อนไหวเชิงฟิสิกส์ที่สมบูรณ์แบบไม่เหมือนใคร ตลอดจนการใส่ใจและพิถีพิถันในทุกรายละเอียด อาจกล่าวได้ว่าบริษัท Polyphony และนักออกแบบเกมชื่อดัง คาซุโนริ ยามาอุจิ (Kazunori Yamauchi) ได้ปฏิวัติรูปแบบเกมขับรถแข่งไปอย่างสิ้นเชิง

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนดูภาพยนตร์เรื่องนี้

การสร้างเรื่องจริงให้สมจริงและน่าเชื่อถือที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้ผู้ชมได้มีประสบการณ์ตื่นเต้นของการเป็นนักแข่งรถ สัมผัสของความเร็วและความลุ้นระทึกที่มาคู่กับการซิ่งสายฟ้าแลบ ทีมงานผู้สร้างจึงใช้รถแข่งจริงที่ขับโดยอดีตนักแข่ง เพื่อมาจำลองประสบการณ์การแข่งรถ

การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องอาศัยรถแบบละสามคัน ซึ่งก็คือรถพระเอก ที่กล้องจะถ่ายแบบระยะประชิดและจะขับโดยนักขับรถสตันท์ รถสำรองเผื่อเกิดการชนขึ้นมา และรถพ็อดคันที่สาม ด้วยการที่รถบางแบบมีจำนวนมากกว่าหนึ่งคัน ทำให้รวมแล้วมีรถพระเอก 22 คันและมีรถทั้งหมดในกลุ่ม 65 คัน

รถพวกนี้ไม่เหมือนรถที่วิ่งตามท้องถนนทั่วๆ ไป ที่คุณจะสามารถนำมันออกวิ่งได้หลายๆ ชั่วโมงโดยที่ไม่เป็นอะไร รถพวกนี้ต้องได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นทีมผู้สร้างต้องมีทีมช่างเครื่องและช่างเทคนิคที่มีความสามารถ รวมถึงทีมคอมพิวเตอร์ที่จะสามารถจัดการกับรถพวกนี้ให้พร้อมลงสนามแข่งได้ทุกวัน สรุปแล้วทีมงานประกอบไปด้วยผู้คนมากถึง 500 ชีวิต ที่ต้องย้ายกองจากสถานที่ถ่ายทำแห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง จากบูดาเปสต์ สู่เยอรมนี ออสเตรีย สโลวาเกีย ดูไบและโตเกียว

รถเหล่านี้ถูกขับโดยทีมนักขับรถสตันท์ที่น่าทึ่ง นำทีมโดยยานน์ มาร์เด็นเบอระ ผู้ลงแข่งในบทของยานน์ มาร์เด็นเบอระ ฝีมือของนักขับรถสตันท์สำหรับหนังเรื่องนี้น่าอัศจรรย์ใจมาก บางคนเป็นนักแข่งจริงๆ ที่ลงแข่งในสนามแข่งรถ ในขณะที่หลายๆ คนเป็นนักขับรถสตันท์ที่น่าทึ่ง ที่อยู่ในวงการนี้มากว่า 40 ปีแล้ว โอกาสในการได้เข้าไปอยู่ในรถแข่งจริงและได้ลงแข่งในสนามหกแห่งทั่วโลกเป็นเรื่องที่หาดูได้ยาก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *