หลังจากที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล โดนสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. แถมล่าสุดในวันอังคารที่ 22 สิงหาคม ก็จะมีการโหวตนายกฯอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เปิดใจประเด็นดังที่แรก หลังจากที่เจ้าตัวหายเงียบมานาน พร้อมล้วงลึกที่พรรคเพื่อไทยขอนัดเคลียร์ปัญหาใจที่ไม่ได้เดินต่อไปกับพรรคก้าวไกลและความสัมพันธ์กับนางเอก “แอฟ ทักษอร” ว่าตกลงทั้งคู่อยู่ในสถานะอะไรกันแน่ ในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.15 น. ทางช่อง 8 กดเลข 27
เกิดอะไรขึ้นเขาได้ลงถนนแทนคุณ คุณพิธาเจตนาน่าเกลียดแบบนั้นเหรอ?
ไม่มีอย่างนั้นเลยครับ ไม่มีทั้งปลุกปั่น ไม่มีการสร้างมวลชนกดดันอะไรทั้งสิ้นนะครับ แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความคงเส้นคงวา ก่อนลงเลือกตั้งก็ลงหาประชาชน ยกมือไหว้ขอคะแนนอย่างนู้นอย่างนี้ หลังเลือกตั้งไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ความคงเส้นคงวาต้องมี ก็ลงไปพบปะพี่น้องประชาชน ยกมือไหว้ขอบคุณ แล้วก็ฟังปัญที่จะเกิดขึ้น แล้วเอามาส่งให้คนที่ยังไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว แต่ก็ให้ ส.ส.ได้ไปแก้ไขปัญหาต่างๆ ก็ต้องช่วยทำงานต่อ
เรื่องปมหุ้นสื่อ itv ตกลงว่าเรียบร้อยกันไปแล้วใช่ไหมคะ?
ของ itv ก็ต้องยืนยันคำเดิมอย่างที่เคยยืนยันเมื่อ 3 เดือนที่แล้วที่มาออกรายการของอาจารย์ ต้องขอบคุณอาจารย์มากเลย ตอนนั้นได้มีโอกาสชี้แจง คนดู 3 ล้านกว่าคนเลยใช่ไหมครับ ก็ได้บอกไปแล้วว่ามีกระบวนการที่จะปลุกให้ itv กลับมาเป็นสื่ออีกครั้ง เพื่อที่จะสกัดกั้นการเป็นนายกรัฐมนตรีของผม ตอนนี้ก็รู้สึกว่าชัดเจนมากขึ้น เมื่อวานก็มีบอกว่า1.ยกคำร้องของเรื่องitv ว่าไม่ได้เป็นสื่อ 2.มีงบไตรมาสที่ 2 ของitv ออกมาว่าไม่ได้มีรายได้จากสื่อแต่อย่างใด
คุณพิธาคิดเหมือนคนอื่นไหมคะ ว่าโดนแกล้ง?
ก็คงจะเป็นทุกกระบวนการนะครับ ในการที่สกัดกั้นไม่ให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ในการที่จะกลั่นแกล้งกัน แต่ผมก็จะต้องบอกอย่างนี้ว่าไม่ได้กลัว ไม่ได้โกรธ แล้วก็ไม่ได้เกลียดด้วยเพราะว่า อันนี้เป็นบทละครที่เคยเล่นมาก่อนผม ก่อนพรรคอนาคตใหม่ก็มีแบบนี้ตัดสิทธิ์ ยุบพรรคอะไรทั้งหลาย แต่สิ่งที่ผมได้มาจากกระบวนการหลังที่เราเคยคุยกันเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว นอกจากจะโดนกลั่นแกล้ง โดนสกัด โดนตะลุมบอน ไม่ได้รู้สึกโกรธ ไม่ได้รู้สึกเกลียด ไม่ได้รู้สึกกลัว ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวไง เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในวงการเมืองไทย ผมว่าสิ่งที่ได้มาคือความกล้า กล้าที่จะฟังคนอื่นมาขึ้น กล้าที่จะถามดังๆกับความอปกติของการเมืองไทยแบบนี้ที่มันเกิดขึ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แล้วก็ยังรู้สึกเป็นเกียรติอยู่ดีที่ได้เป็นผู้นำพรรคสู่การเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ที่มีคนไปใช้สิทธิ์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย อันนี้เป็นอีกสิ่งนึงที่เราได้พิสูจน์
ถ้าคุณไม่โหวตเที่ยวนี้(พรรคเพื่อไทย) ก็เหมือนไม่สนับสนุนเขา?
ผมอยากจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องว่าแคนดิเดตนายกฯคนนี้ หรือไม่ใช่เป็นนโยบายพรรคนี้ แต่อย่างที่บอกว่าเป็นเรื่องของหลักการ ตามที่พี่น้องประชาชนให้คะแนนเรามาก็เป็นไปตามนั้น
พรรคเพื่อไทยเขามาเอ่ยพูดอย่างไรคะ?
เล่าให้ฟังถึงเหตุและผลว่าทำไมเราถึงไปต่อด้วยกันไม่ได้ พอไปจับเอาพรรคอื่นมาก็มีเงื่อนไขว่าไม่เอาพรรคอันดับ 1 พรรคก้าวไกลอย่างเดียว โดยที่ไม่ได้พูดถึงมาตรา 112 อย่างใด อะไรที่เป็นเงื่อนไขแล้ว ตอนนี้เจาะจงที่พรรคแล้ว ไม่ได้เป็นเงื่อนไขอย่างที่ได้พูดคุยกัน ก็รับฟังครับ แล้วฝั่งเราก็ได้ชี้แจงกลับไปว่า ต้องฟังมติส.ส. เหมือนอย่างที่เพื่อไทยเคยต้องฟังมติส.ส. ตอนประธานสภาเช่นเดียวกัน แล้วให้ส.ส.ได้มีสิทธิ์พูดได้พูดจา เพราะพรรคเรามีความเป็นประชาธิปไตยสูง ก็ต้องฟังทั้ง ส.ส. ส.ส.ก็บอกตัดสินใจไม่ได้ก็ต้องไปที่พื้นที่ แล้วก็ฟังเจ้าของเสียงที่แท้จริงก็คือราษฎร แล้วก็เอาประมวลกลับมา ก็บอกว่าคงฟังกันอย่างเดียว คงไม่สามารถผูกมัดอะไรกันได้ แล้วก็ทางผมจะมีประชุม ส.ส. แล้วก็คงจะตัดสินใจตามนั้น ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็คือเมื่อวานที่มีมติออกมา
เรื่องข่าวนางเอกมีวี่แววเป็นจริงไหม?
ไม่ได้มีความเป็นจริงอย่างใดครับ ความจริงเป็นแบบนี้คือ เป็นเพื่อนกันครับ ต้องใช้โอกาสนี้อธิบายกับพี่น้องประชาชนว่า เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันครับ