บิ๊กบอสค่ายซีเนริโอ เจ้าพ่อละครเวทีเมืองไทย “บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ” นำทีมนักแสดง “ตู่ ภพธร” และ “แก้ม กุลกรณ์พัชร์” สปอยละครเวที “พิษสวาท” แบบจัดหนัก พร้อมเปิดใจยอมรับกังวลใจห่างไป 3 ปี ละครเวทีจะอยู่ได้ต่อเมื่อมีคนดู ในรายการ “Woody Interview” ทาง Facebook: Woody, YouTube: Woody
ทำไมถึงเลือก “พิษสวาท” ก่อนอันดับแรก?
บอย ถกลเกียรติ: คือจริงๆ ต้องบอกเลยว่า “พิษสวาท” เป็นหนึ่งในเรื่องที่คิดไว้นานมากแล้ว ตั้งแต่ในช่วงเปิดโรงละครแต่ในตอนนั้นยังหาไม่เจอว่าจะทำยังไง นึกไม่ออกว่าจะเล่ายังไงเพราะเรื่องมันเยอะมาก จนเมื่อปี 2018 อยู่ดีๆ ก็อยากทำเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับอยุธยา คือเห็นภาพ เห็นวิชวลการสู้รบในช่วงอยุธยาแล้วมันน่าจะสวยงามบทเวทีในเมืองไทยรัชดาลัย ตอนแรกก็คิดแค่นี้ ทีมงานก็บอก “พิษสวาท” ล่ะ เราก็บอกเคยลองจะทำแล้วเล่าไม่ถูกอย่าเพิ่งเลยมั้ง หาเรื่องนั้นเรื่องนี้ไอเดียก็มีประมาณหนึ่งแต่ก็สู้ “พิษสวาท” ไม่ได้ อ่ะ! ไหนมาลองกันอีกสักตั้งหนึ่งแล้วเจอ
สิ่งที่ทำให้มั่นใจแล้วว่าไปได้แน่นอนคือองค์ประกอบไหน?
บอย ถกลเกียรติ: คือพอเจอว่าเราจะเล่ายังไง เล่าผ่านตัวละครของ อัคนี ก็คือตัวพระเอก ซึ่งเขาจะเป็นคนพาทุกอย่างไป ตัวละครนี้จะเป็นคนพาทุกอย่างไปเจอนั่นเจอนี่เขาค้นหาอะไรบางอย่างเกิดอะไรขึ้นกับเขาตั้งแต่เด็ก และเขาก็ได้พบคำตอบ แล้วคนดูก็จะเรียนรู้ รับรู้คำตอบนั้นไปด้วยกันพร้อมๆ กับเขา อยู่ดีๆก็ได้มาเจอผู้หญิงลึกลับคนหนึ่ง จากตรงนั้นไปอย่างอื่นมันมาเองได้หมดเลย ไม่ว่าจะตัวบทเพลง ไม่ว่าจะตัวฉากแสงสีเสียง หรืออะไรต่างๆ ที่เรารู้ว่ามันสวยงามแน่ๆ
ตอนที่พี่บอยติดต่อไปวันนั้นรู้สึกยังไง ?
ตู่ ภพธร: รู้สึกดีใจ รู้ว่าเป็นโปรเจคที่มันใกล้หัวใจของพี่บอยมาก พี่บอยรักมาก ด้วยมันเป็นละครที่ประสบความสำเร็จมากๆ ก็รู้สึกเป็นเกียรติแต่ว่ารู้สึกกลัวด้วย กลัวความยากลำบากที่มากับงาน เพราะว่าบททุกอย่างมันมาดีอยู่แล้ว เขาทำไว้ก่อนดีมากอยู่แล้ว ตรงนี้มันต้องดีไม่แพ้กัน ในความรู้สึกของผมก็เลยรู้สึกว่างานนี้มันต้องหินมากแน่ๆ เลย แล้วเราเล่นละครเวทีมาก่อนก็รู้ว่าการซ้อมทุกอย่างมันต้องใช้เวลากับชีวิตเราไปเยอะมาก ด้วยอาชีพที่เราเป็นนักร้องอยู่แล้วด้วย จะบาลานซ์ทุกอย่างยังไงดี ลำบากใจแต่ถามว่าอยากทำไหมอยากทำ เพราะละครเวทีเป็นสิ่งที่มันเติมพลังให้พวกเราจริงๆ
คุณเปลี่ยนชุดถี่มาก เรื่องการแต่งตัวหลังเวที ?
ตู่ ภพธร: พี่บอยต้องยั้งคอสตูมเรานะ (หัวเราะ) ละครเวทีมันไม่ต้องเปลี่ยนเยอะขนาดนี้ก็ได้ (หัวเราะ) เปลี่ยนเยอะจริงๆฮะ แล้วผมคุยกับคนเรื่องนี้บ่อยมาก อยากให้คนเห็นจังเลย คนบ้านเราผมว่าวัฒนธรรมการดูละครเวทีมันอาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่ยาวนานมากขนาดนั้นในเมืองไทยเรา แล้วคนไม่รู้ตื้นลึกหนาบางว่าเราทำงานขนาดไหน อยากให้เห็นข้างเวทีในความบ้าคลั่งของทีมงานและพวกเรา ว่าแบบมันเหมือนโรงงาน ทุกอย่างมันเรียลไทม์มันสด
ในส่วนของ แก้ม เล่นเป็น อุบล ตอนนั้นความรู้สึกเป็นยังไง?
แก้ม กุลกรณ์พัชร์: ดีใจมากค่ะ แล้วก็รู้สึกตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน และแน่นอนมีความกังวล เพราะเรารู้ว่าละครทีวีโด่งดังขนาดไหน พี่นุ่นเล่นเอาไว้สุดยอดมากๆ แล้วก็ได้รับรางวัลมากมาย แอบมีความกังวลใจในตรงนั้น แต่ขณะเดียวกันเราก็รู้สึกว่าสมัยก่อนที่เคยร่วมงานกับพี่บอย (มิสไซง่อน) เรายังมีความเข้าใจในเรื่องของด้านการแอคติ้งที่ยังลิมิตอยู่ ทีนี้พอเราได้ไปเรียนต่อปริญญาโท เราก็มีความเข้าใจเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นเราก็อยากที่จะได้ลองของตรงนี้เหมือนกัน แล้วก็อยากได้กลับมาบ้านหลังที่ 2 ของเรา ได้มาร่วมงานกับพี่บอยอีกครั้ง ตื่นเต้น แล้วก็อยากที่จะทำด้วย
คนสายละครเวทีจะรู้ว่านี่คือเพชรเม็ดหนึ่งจากไทยที่ดังระดับต่างประเทศ?
แก้ม กุลกรณ์พัชร์: ตัวแก้มเองเป็นเด็กที่เรียนร้องเพลง เรียนเต้นมาอย่างเดียว ไม่ได้เรียนแอคติ้งมาอย่างลึกซึ้ง ซึ่งมารับบทขนาดนั้น ณ ตอนนั้นก็มีความกลัวอะไรหลายๆ อย่างไปหมด ซึ่งตอนนี้รู้สึกว่าเราขจัดตรงนั้นออกไปได้ แล้วมันเอ็นจอยกับทุกโมเมนต์
ความท้าทายที่สุดคือเรื่องนี้ไหมพี่บอย?
บอย ถกลเกียรติ: อย่างที่บอกพอเราจับจุดได้ว่าเล่าจากใคร มันมาเองได้หมด เพราะว่าเราไม่ต้องเล่าทั้งหมด เราเล่าผ่านตัวละครอัคนีแล้วมันจะค่อยๆมา มันมีความ Realistic อะไรบางอย่างจากคนดูที่ตามอัคนีแล้วก็ไปเห็นโน้นเห็นนี่ แต่ว่าเทคนิคก็คุยกันนะ คือแน่นอนก่อนที่จะทำเรื่องนี้ได้ก็ต้องหาให้เจอว่าฉากตัดคอจะทำยังไง มันต้องมาจาก Conceptual รวมของทั้งหมดก่อนว่าก่อนตัดคุณจะเล่ายังไงระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ด้วยเพลงก็ดีหรือการขับเสภาก็ดีจึงเอื้อให้คนดูเดินตามไปด้วยกันกับตัวละครจนกระทั่งไปถึงฉากตัดคอ ไอ้เราก็สปอยไม่ได้นะ ไม่ควรสปอย (หัวเราะ)
ทำยังไงให้น่ากลัวแต่ไม่ถึงกับสยองขวัญจนเกินไป ?
บอย ถกลเกียรติ: คือต้องบอกว่าทั้งหมดทั้งปวงที่เราเห็นไม่ว่าจะเทคนิคต่างๆ มันถูก….. ด้วยอารมณ์ของตัวละคร Emotional มันลีดไปซะจน แล้วคุณจะเต็มอิ่มกับมัน
สิ่งที่น่าจะกังวลด้วยยุคและสมัยโดยเฉพาะเมืองไทย เราผลักดันยังไงให้คนเห็นว่ายังไปได้?
บอย ถกลเกียรติ: ถามว่าเป็นกังวลไหม เป็นแน่นอน เพราะว่า 3 ปีที่ผ่านมาเราไม่รู้ว่ามู๊ดของคนดูเป็นยังไงกับการมาดูละครเวที เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เป็นอุตสาหกรรมที่ทำกันเยอะแยะ หรือคนรู้จักกันเยอะ หลายๆ คนที่เราถามว่าเคยมาดูหรือยัง หลายคนก็จะตอบว่ายังไม่เคยมาดูเลยเรื่องนี้เรื่องแรกอะไรแบบนี้ เพราะฉะนั้นเราก็จะเป็นห่วงว่าแล้วคนที่เคยดูเขาจะกลับมาไหม 3 ปีผ่านไปอะไรเปลี่ยนแปลงเยอะมากเลย แล้วคนที่ไม่เคยดูเขาจะสนใจไหม เราก็แบบเอาไงดี แต่ถ้าเราไม่ทำมันก็ไม่มีให้ดู มันต้องมีทั้งคนทำและต้องมีทั้งคนดู เพราะฉะนั้นเราก็พูดอยู่ตลอดเวลาครับว่าละครเวทีจะอยู่ได้ต่อเมื่อมีคนดู แต่เราจะต้องย้ำอันหนึ่ง ละครเวทีจะอยู่ได้ต่อเมื่อมีคนซื้อบัตรมาดู อันนี้จริงๆ เพราะตั้งแต่ต้นที่เปิดเมืองไทยรัชดาลัยบอกเลยนะ เมื่อเรามีงานแสดงสดหลายๆงานต่างๆ ก็จะมีคนที่รู้จักบอกว่ามีบัตรฟรีไหมๆ เราบอกว่าอันนี้เราขอนะ เราไม่ให้ ถ้าคุณมีเพื่อนเปิดร้านอาหารคุณจะไปขอเขากินฟรีไหม ? เหมือนกัน
เราจะเล่นกี่สัปดาห์ครับ ?
บอย ถกลเกียรติ: ตอนนี้ถึงวันที่ 9 กรกฎาคม ครับ ไม่ได้เล่นทุกวัน เล่นวันพุธถึงวันอาทิตย์ สามารถไปดูได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ครับ
เป็นยังไงครับในการกำกับเรื่องนี้พี่บอยเต็มที่ไหมครับ?
แก้ม กุลกรณ์พัชร์: เต็มที่ค่ะ พี่บอยเต็มที่เสมอ เราจะสัมผัสได้ถึงแพชชั่นของพี่บอย แล้วก็มาตราฐานที่พี่บอยอยากจะให้มันดียิ่งๆ ขึ้นไปด้วย
ตู่ ภพธร: แต่ละรอบก็ไม่เหมือนกันจริงๆ แต่ละวันผมจะรู้สึกแตกต่างกันทุกวัน บางวันผมก็เสียใจในช่วงนี้ มันคือเมจิกของละครเวที คืออารมณ์ของเราแต่ละวันที่เรารู้สึกมาด้วย แต่ละคนๆ เดิมก็ไม่มีอารมณ์เหมือนกันทุกวัน เช่นเดียวกับเรื่องราวบนเวทีมาดูวันนี้คุณได้ความรู้สึกแบบนี้กลับไป ชอบแบบนี้ มาดูอีกวันหนึ่งคุณก็จะได้ความรู้สึกอีกแบบหนึ่งกลับบ้านไป สิ่งที่บอกก็คือคุณมาดูรอบเดียวไม่ได้ (หัวเราะ)
บอย ถกลเกียรติ: นี่คือเมจิกของละครเวที แต่ละรอบมันมีชีวิตของมันเอง มีหลายรสชาติ สนุก ซาบซึ้ง ตื่นเต้น มีความหวาดกลัวนิดหน่อยแต่ท้ายที่สุดมันอิ่มเอม
ติดตามได้ทาง Facebook: Woody, Instagram: Woodytalk, YouTube: Woody, Twitter: @Woodytalk, TikTok: woodywoody, LINE: @woodytalk