น้องหยก เยาวชนนักเคลื่อนไหววัย 15 ปีที่อยากจะเรียกร้องเสรีภาพเหนือร่างกายในการแต่งชุดไปรเวตและทรงผม ทำให้สังคมแบ่งเสียงกันเป็น 2 ฝ่าย จนไปกระทบกับผู้ที่เกี่ยวข้อง “เจี๊ยบ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” อดีต สส.พรรคก้าวไกล มาเคลียร์ใจถึงประเด็นกระแสแรงที่เหมือนไม่มีวันจบ และความจริงว่าการออกมาร้องเสรีภาพเหนือร่างกาย ความจริงมันผิดไหม แล้วคำว่าสังคมไปเพ่งโทษ ดูพฤติกรรมการแสดงออกมากกว่าสิ่งที่น้องหยกเรียกร้องมันคืออะไรกันแน่ในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.15 น. ทางช่อง 8 กดเลข 27
พิธาฟีเวอร์มีทุกหย่อมหญ้า เกิดอะไรขึ้นทำไมสังคมไทยคลั่งพิธา?
ก็อาจจะเคยอยู่ 9 ปีที่ผ่านมา อยู่กับนายกฯที่นั่งบนหัวประชาชน แล้วพอมาเจอคุณพิธา เข้าไปนั่งอยู่ในใจของประชาชนค่ะ
ทำไมถึงไปวุ่นวายอะไรกับน้องหยกคะ ชาวบ้านเขาว่ากันทั่วบ้านทั่วเมืองรู้ไหม?
ทราบว่ามีการพูดถึง มีการกระเพื่อมและแบ่งแยกกันเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจนนะคะ จะถามว่าเริ่มมาจากตรงไหน รู้จักเป็นการส่วนตัวไหมคะ? รู้จักค่ะ รู้จักกันได้ไม่นานนะคะส่วนตัวก็หลังจากที่มีปัญหาแล้ว ก่อนหน้านั้น ก็เห็นน้องผ่านๆ แต่ว่าก็มีการติดต่อมาขอการแนะนำ พูดคุยกัน น้องบุ้งค่ะเป็นนักกิจกรรม เป็นผู้ปกครองน้องหยก ก็อยู่ด้วยกัน ขอคำแนะนำว่าสถานการณ์แบบนี้ เพราะว่าพรรคก้าวไกลมีนโยบายเกี่ยวกับปฏิรูปการศึกษา แก้ปัญหาอำนาจนิยมในโรงเรียนไม่ว่าจะเป็น ทรงผมหรือว่าเสรีภาพในพื้นที่การศึกษา เขาก็โทรมาถามว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายแบบนี้จะทำไหม ก็มันไม่ตรงกับปัญหาของเขาใช่ไหมคะ ก็เลยมีการนัดคุยกัน น้องบุ้งมา แล้วน้องหยกก็มาด้วย มาคุยกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
คุณเจี๊ยบเป็นมารดาแห่งม็อบ พอเด็กมีเรื่องมีราวอะไรก็มาหาตัวแม่ มันจะดูงดงามเหรอคะ?
ไม่ใช่ค่ะ เด็กสมัยนี้นะคะ เราก็มีลูกกันทั้งคู่ เด็กสมัยนี้พ่อแม่ปลุกให้ตื่นยังไม่ตื่นเลย แล้วเราเป็นคนนอกจะไปปลุกปั่น ยุยงได้อย่างไร ถ้าพูดแบบนี้ก็แสดงว่าดูถูกดูแคลนสติปัญญา ความคิดความอ่านของเยาวชน จริงๆเรียกว่าเด็กยังรู้สึกไปด้อยค่าเขาด้วยในความรู้สึกส่วนตัว ยังพยายามเรียกว่าเยาวชนในยุคที่เขามีแหล่งเรียนรู้ที่เยอะกว่าเราเยอะนะคะ ของเราตอนอายุเท่าหยกยังไม่รู้เรื่อง ยังไม่กล้าตั้งคำถาม แต่ว่าพอมายุคนี้ เขามีโอกาสศึกษาความรู้ แล้วความรู้มันทันกัน
ถามตรงๆน้องหยกเขาเรียกร้องอะไร?
เขาต่อสู้เรื่องเสรีภาพเหนือร่างกายตัวเอง ก็คือเสรีภาพในการแต่งตัวชุดไปรเวต และเสรีภาพบนหัวตัวเองเรื่องทรงผม
ถ้าหยกไม่ได้มีสภาพเป็นนักเรียน ผู้ปกครองก็ไม่มี แล้วจะรับมาเป็นนักเรียนได้อย่างไร?
ใช่ สังคมต้องหนักแน่นนะคะ แบบเรียนรู้เหตุผลของทั้ง 2 ฝั่ง มีการมอบตัว และจ่ายค่าเทอมไปแล้วค่ะ แล้วก็หยกสอบเข้าสายศิลป์จีนที่ 1 ด้วยค่ะ ก็เป็นเด็กที่มีสติปัญญาดี ไม่ใช่เป็นเด็กก้าวร้าว ไม่ได้เข้าข้างน้องนะคะ หมายความว่าในเรื่องหลักการเห็นด้วย แต่เรื่องวิธีการ คือสังคมไปเพ่งโทษ ไปดูพฤติกรรมการแสดงออก จนลืมคิดว่าสิ่งที่เขาเรียกร้องมันอีกเรื่องนึง เอาเรื่องพฤติกรรมมากลบหมด
เดี๊ยนเห็นน้องปีนรั้วเข้าโรงเรียน แล้วไปทะเลาะกับ รปภ.?
มันเป็นวิธีการของเขา เป็นหนึ่งในการต่อสู้ แล้วเราต้องถามกลับว่าชอบเด็กที่ปีนรั้ว พยายามไปเข้าห้องเรียน กับปีนรั้วหนีโรงเรียนเอาแบบไหนคะ น้องปีนรั้วเข้าโรงเรียนไม่ใช่เป็นการเสี้ยมของฝั่งคุณเจี๊ยบใช่ไหม เดี๊ยนไม่อยากให้คนมองว่าพฤติกรรมน้องก้าวไกลอยู่เบื้องหลัง? ต้องเรียนอาจารย์ว่าอย่าให้จินตนาการ เหนือกว่าความรู้ คือสังคมกำลังจินตนาการไปเอง ต่างๆ แล้วก็สื่อมวลชนอะไรต่างๆ ตอนนี้ช่วยกันตามหาผู้อำนวยการโรงเรียนกันดีกว่า เพราะว่าหาไม่เจอ วันนั้น กสม. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน วันที่น้องมาคุยกับพี่เจี๊ยบนะคะ ก็มีการนัดระหว่าง กสม.และคณะกรรมการโรงเรียน พอถึงเวลา ผู้อำนวยการก็เบี้ยวไม่ยอมมาคุย อันนี้ก่อนหน้าที่มีการปีนนะคะ ก็มีการนัดพบคือมันไม่ได้รับการสนองตอบ แล้วเด็ก เขาตัวเล็ก เขาไม่มีอำนาจอะไรในมือ เขาไม่ได้เป็นบิ๊กเนมที่ส่งเสียงอะไรได้ดัง เขาก็ต้องใช้การคำราม เขาก็ช่วยตัวเอง เขาไม่ได้อยากจะเปลี่ยนโรงเรียน โรงเรียนทางเลือกที่มีคนมาบอกว่าไม่ไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์ล่ะ ไปโฮมสคูลล่ะ ก็มันไม่เหมือนกัน เท่าที่คุย เขาต้องการต่อสู้ ถ้าเขาไปโฮมสคูล ไป กศน. คือเขาทำเพื่อแค่ตัวเอง
อยากให้คุณเจี๊ยบพูดแทนน้องหยก เพราะไม่อยากให้สังคมตราหน้าเขาว่าสร้างเรื่องสร้างราว?
ถึงแม้ว่าน้องหยกเป็นเด็กผู้หญิงเพียงอายุ 15 ปี ก็ไม่ได้บังอาจไปพูดแทนเขา แต่อยากให้สังคมหาข้อมูลอย่างเช่นผู้อำนวยการของบ้านปรานีที่น้องไปอยู่ 51 วันที่นครปฐม น้องไปถูกกักตัว ทางผู้อำนวยการของบ้านปรานีได้พูดคุยกับน้องถึง 23 ครั้ง แล้วให้สัมภาษณ์ว่า เท่าที่เขาพูดคุยน้องไม่ได้เป็นคนก้าวร้าว เพียงแต่เป็นเด็กที่มีความคิดอ่านเป็นของตัวเอง เท่าที่คุยไม่ได้ถูกชักจูงได้ง่าย จากสัมภาษณ์จากอะไรที่ไปก้าวร้าวต่อ รปภ. ไม่ใช่น้องหยกนะคะ แต่เป็นคนอื่นที่ไปแวดล้อมติดตาม แล้วเราก็เห็นน้องที่ออกสื่อสาธารณะ และที่ตัวเองได้นั่งคุยเป็นชั่วโมง ก็เห็นน้องเป็นเด็กร่าเริง ชอบฟังเพลง อะไรปกติ ก็เป็นห่วงเขาว่าเขามีเพื่อนหรือเปล่า เขาก็มีเพื่อนสนิท อาจจะไม่ใช่น้องหยกคนเดียวนะคะ อาจจะมีเด็กคนอื่นที่คิดแบบนี้เหมือนกันก็ได้ แต่อาจจะยังไม่กล้าที่แสดงออก เพื่อนๆที่โรงเรียนก็มีการแขวนป้ายเรื่องเสรีการแต่งกายที่โรงเรียนน้องหยกเหมือนกัน ตราบใดที่มันยังไม่มีการทำประชาพิจารณ์ หรือที่มันเป็นตัวเลขทางวิทยาศาสตร์ เหมือนผลการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นมันก็น่าจะมีการทำประชาพิจารณ์ตามที่น้องเรียกร้อง ถ้าจะให้เรียกร้องแทนน้องหยก ก็พูดตามที่เขาให้สัมภาษณ์นะคะ เขาก็ไม่ได้ดื้อด้าน มุทะลุ เขายินดีรับผลประชาพิจารณ์ เพียงแต่เขาไม่ยอมรับกฎระเบียบที่ผู้ใหญ่วางไว้ให้ที่นักเรียนไม่มีส่วนร่วมในการคิด ในการตัดสินใจ แต่ถ้าโรงเรียนมีการทำประชาพิจารณ์ แล้วผลออกมาเป็นอย่างไร เขาก็จะยอมรับ และปฏิบัติตามนั้นค่ะ ตรงนี้ก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้ดื้อด้านอะไรนะคะ