“THAIFEX – ANUGA ASIA 2023” งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มยิ่งใหญ่และครบวงจรที่สุดในเอเชีย ภายใต้แนวคิด Beyond Food Experience พร้อมดึงผู้ซื้อจากทั่วโลกมาเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ร่วมจัดแสดงในงานกว่า 3,000 บริษัท ตั้งเป้าเงินสะพัดกว่า 70,000 ล้านบาท ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2566 และให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมและเลือกซื้อสินค้าได้ในวันสุดท้าย
นางสาวณัฐิยา สุจินดา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า “ปีนี้จะมีผู้ประกอบการมาร่วมจัดแสดงสินค้ากว่า 3,000 บริษัท ประมาณ 5,500 คูหา รวม 43 ประเทศ แบ่งเป็นผู้ประกอบการไทย 1,200 บริษัท และผู้ประกอบการต่างชาติจากทั่วโลก ทั้งเอเชียตะวันออก อาเซียน ยุโรป สหรัฐอเมริกา ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย เป็นต้น ซึ่งเราก็คาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าชมงานมาเจรจาการค้ากว่า 60,000 คน จาก 120 ประเทศทั่วโลก เนื่องจากอาหารและเครื่องดื่มของไทยได้รับความสนใจจากต่างชาติมาก โดยเราตั้งเป้าว่างานปีนี้จะมีมูลค่าการสั่งซื้อกว่า 70,000 ล้านบาท และมีมูลค่าการสั่งซื้อออนไลน์ผ่าน THAIFEX Virtual Trade Show กว่า 1,500 ล้านบาท”
งานจะแบ่งเป็น 11 โซน ประกอบด้วย สินค้าอาหารทุกประเภท อาหารทะเล เนื้อสัตว์ อาหารแช่แข็ง ข้าว ผักและผลไม้ ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม ชาและกาแฟ เครื่องมือ/เครื่องใช้/อุปกรณ์ และบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งกิจกรรมมากมาย การแข่งขัน Thailand Ultimate Chef Challenge กิจกรรมเสวนาให้ความรู้ กิจกรรมเปิดโลกการค้ากับทูตพาณิชย์ (Export Clinic) และยังมีโซนพิเศษที่จะอัปเดตเทรนด์ผู้บริโภค อาทิ Halal Market, Organic Market, Future Food Market, Future Food Experience+, tasteInnovation Show, Thai SELECT Pavilion และนิทรรศการที่น่าสนใจ อาทิ DITP Service Center นิทรรศการส่งเสริมผลิตภัณฑ์สมุนไพร นิทรรศการ Thailand: The Land of Tropical Fruits นิทรรศการ Halal Pavilion
ดร.กฤษณะ วจีไกรลาศ กรรมการเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า “งาน THAIFEX – ANUGA ASIA มีความสำคัญต่อผู้ประกอบการไทย ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ SMEs รวมถึงกลุ่มสตาร์ตอัป ที่จะมีโอกาสนำสินค้าและบริการเข้าสู่ตลาดทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ จึงเชื่อว่างานนี้จะช่วยส่งเสริมธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด การกลับมาจัดเต็มรูปแบบอย่างยิ่งใหญ่ในปีนี้ ได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการรายใหญ่มากมาย โดยจะมีการนำเสนอนวัตกรรม และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การระบุเรื่อง Carbon Footprint และ Eco Score การนำเสนอแนวคิดสินค้าที่เกี่ยวกับ Zero Waste และ Food Waste การให้ความสำคัญกับแนวทางความยั่งยืนตลอด Value Chain ซึ่งนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน จะไม่เป็นเพียงกระแส แต่จะกลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่ทุกคนหันมาใช้อย่างจริงจัง ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลาง SMEs ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และสตาร์ตอัป ก็ให้ความสนใจเข้าร่วมแสดงสินค้าจำนวนมากเช่นกัน เพราะเป็นโอกาสที่จะได้แนะนำสินค้า ทดสอบตลาด และสร้างโอกาสทางธุรกิจกับงานระดับนานาชาติ”