“ฉันมีความโสด” เป็นเพลงประจำรายการ “Take Me Out Thailand” ที่แต่งโดย “ฟองเบียร์” และถ่ายทอดโดยศิลปินวง “Season Five” กับน้องใหม่วัยใสมาร่วมฟีเจอริ่ง “น้องมิสทีน” ที่แต่งเนื้อแร๊พและครีเอทท่าเต้นสุดคิ้วท์ รับฟังและรับชมได้ทุกวันเสาร์ เวลา 14.00 น. ทางช่อง 3HD กด 33 ในส่วนของคนโสดมารวมตัวกันที่ www.facebook.com/takemeoutthailand
“กฤษติกร พรสาธิต” หรือ ติ๊ก Playground ผู้บริหารค่าย “Home Run Music” ในเครือ “มิวซิกมูฟกรุ๊ป” กล่าวว่า “’Take Me Out Thailand’ เป็นรายการที่อยู่มานาน และยังคงมีคนติดตามดูอย่างต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้ ที่สำคัญทางรายการไม่เคยเปลี่ยนเพลงที่ใช้ในรายการเลยครั้งนี้จะเป็นครั้งแรก ก็เป็นอะไรที่ท้าทาย รู้สึกตื่นเต้น และแอบกดดันเล็กๆ ว่าเพลงของเราเมื่ออยู่ในรายการแล้วจะเข้ากันมั้ยนะ จริงๆ แล้วเพลงสามารถเป็นสื่อกลางของคนได้เพราะไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของภาษา ดังนั้นเพลงคือภาษาสากลที่ไม่ว่าเราจะรู้ความหมายหรือไม่รู้ความหมาย เเต่ก็ยังสามารถเข้าถึง อารมณ์ ความรู้สึก หรือเข้าใจกระทั้งความต้องการของผู้ส่งสารไปยังผู้รับสารได้ เป็นตัวช่วยในการถ่ายทอดความหมายของเพลงนั้นๆ ซึ่ง Music Marketing มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคอย่างมากในเรื่องของความรู้สึกนึกคิดและเข้าถึงอารมณ์ การสร้างการจดจำระหว่างตัวสินค้ากับตัวผู้บริโภค ผ่านทางเนื้อหาของเพลงและการใช้เมโลดี้ที่เข้าใจง่าย น่าจดจำ เพื่อโน้มน้าวกลุ่มเป้าหมายของแคมเปญนั้นๆ มีผลทำให้คนเข้าถึงและรู้จักเพลงๆ นั้นมากยิ่งขึ้น ผ่านการมองเห็นซ้ำๆ ทำให้เกิดการรับรู้รับฟังและสร้างภาพจำท้ายที่สุดของแคมเปญ Music Marketing คือการที่ผู้บริโภคจะนึกถึงเพลงที่พูดถึงเนื้อหาของแบรนด์เมื่อเกิดความต้องการสินค้า ณ ช่วงเวลานั้นๆ ในกรณีของเพลงประจำรายการ “Take Me Out Thailand” ก็เช่นกัน ยิ่งปัจจุบันสามารถนำเพลงไปใช้ในฟังก์ชันอื่นๆ ได้อีกด้วยอาทิ แชร์เพลงนี้ลงใน Instagram หรือ Facebook ได้อีกด้วย
“ตอนนี้เพลงและท่าเต้นกลายเป็นชาเลนจ์ที่อยู่ในแพลตฟอร์ม TikTok ซึ่งเราเองก็ร่วมกันวางแผนทำให้ 1+1 มันได้มากกว่า 2 ช่วยต่อยอดผลงานซึ่งกันและกัน ด้วยการเติบโตของแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างเช่น TikTok เข้ามามีอิทธิพลกับคนรุ่นใหม่จริงๆ เราใช้เวลาอยู่บน TikTok นานขึ้น การจับอัลกอริทึมในเรื่องที่เราสนใจก็แม่นยำ ผมเชื่อว่าการใช้ Music Marketing เข้ามาเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สื่อสารถึงรายการจะทำให้ ‘Take Me Out Thailand’ มีโอกาสขยายฐานให้คนรู้จัก และสามารถเข้าไปอยู่กับไลฟ์สไตล์ของคนได้มากขึ้น อย่างที่บอกเราไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาตัวรายการ หาจุดคอนเนครายการกับคนดูกลุ่มใหม่ๆ พร้อมทั้งเราหาอะไรใหม่ๆ มาเป็นของขวัญให้แฟนรายการเป็นประจำที่อยู่กันมานานอย่างเหนียวแน่นครับ”