“พีระพันธุ์” ยัน “ลุงตู่” ไม่ใช่เจ้าของพรรคตัวจริง

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จากอดีตผู้พิพากษาสู่หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติที่สานฝันสำเร็จอยากเป็นนักการเมืองที่เอาความถนัดด้านกฎหมาย และอำนาจทางการเมืองมาช่วยประชาชนในบทบาทนักการเมืองมืออาชีพ มาตอบคำถามว่าเขาคนนี้คือใครกันและเกี่ยวข้องอะไรกับ “ลุงตู่” แถมพรรครวมไทยสร้างชาติ ใครเป็นเจ้าของตัวจริงกันแน่พร้อมย้อนอดีตผู้ปิดทองหลังพระ หลายคนยังไม่รู้ว่าเขาคนนี้เคยช่วยประเทศไว้เป็นหมื่นล้าน ในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.15 น. ทางช่อง 8 กดเลข 27

ตอนนี้หาเสียงเหนื่อยไหม วุ่นวายไหม?

เหนื่อยครับ เหนื่อยกว่าปกติ แต่เหนื่อยคนละแบบ สมัยก่อนลงเลือกตั้ง หาเสียงในเขตเลือกตั้ง เราก็ดูแลเฉพาะเขตเลือกตั้งเรา ตอนนี้มาเป็นหัวหน้าพรรค นอกจากต้องดูแลทั้งประเทศแล้ว ก็ต้องดูแล บริหารงานธุรการอีกครับ

บางคนไม่รู้จักว่าใครคือ คุณพีระพันธุ์?

ผมก็เป็นผมเนี่ยและครับ ผมเข้ามาทางการเมือง จริงๆแล้วไม่ได้มีความมุ่งมั่นว่าจะเป็นนักการเมืองให้ได้ เพื่ออะไร ก่อนหน้าที่จะเข้าการเมืองผมเป็นผู้พิพากษา ก็เหมือนคนทั่วไป เราก็มีความคาดหวังว่า พรรคการเมืองเป็นแบบไหน เราอยากเห็นนักการเมืองแบบไหน เหมือนคนทั่วไปที่เรามองจากข้างนอกเข้ามา เมื่อชะตาชีวิตกำหนดให้เราต้องมาอยู่ตรงนี้ เราก็มีความคิดว่าเราอยากให้มีพรรคการเมืองอย่างที่เราคิด อยากให้มีนักการเมืองของพรรคแบบที่เราอยากให้เป็นครับ แต่ว่าที่ผ่านมาเราก็สังกัดพรรคที่เราก็ไม่ได้เป็นผู้บริหารดูแลใช่ไหมครับ เราก็ต้องเป็นไปตามที่เขาเป็นอยู่ ส่วนจะเป็นมากน้อยเท่าไหน เราเป็นตัวเรา เราทำตัวเราพอ เมื่อมาถึงจุดตรงนี้ผมก็คิดว่า ผมได้คุยกับเพื่อนในทางการเมือง ที่มีความคิดที่คล้ายกัน เหมือนกัน เราก็เลยมอง คิดว่าอย่างน้อยเราก็อย่ามัวที่พูดเลย เราก็มาลองทำพรรคสักพรรคนึงแบบที่เราคิด เคยฝันไว้ และเราก็รวบรวมเพื่อนๆที่มีความคิด แนวทางเดียวกัน ลองทำสักครั้งนึง ยังดีกว่าพูดแล้วไม่ลงมือทำ อันนี้ก็คือความเป็นมา

คุณพีระพันธุ์ ไม่ได้เข้ามาเล่นการเมืองเพื่อถอนทุน?

อาจารย์ครับ ผมอยู่การเมืองมา 30 ปีแล้ว เคยมีชื่อเสียงในทางลบไหมครับ ไม่มีค่ะ แต่จะถามแทนประชาชน? ก็เป็นสิ่งที่ไม่ต้องพูดครับ ผมทำให้เห็นครับ ที่เขามาผมไม่มีประโยชน์ด้านอื่นเลย นอกจากมาทำงานให้กับบ้านเมือง แก้ไขปัญหาของประเทศ แก้ไขปัญหาของประชาชน แค่นั้นเราก็มีความสุขแล้ว เราตั้งใจเข้ามา และเราก็ทำในสิ่งที่เราทำ ผมไม่ได้เข้ามาเพื่อจะสร้างความดังให้ตัวเอง หรือเข้ามาหาสถานะทางสังคม แต่ผมคิดว่าเรามีความรู้ที่เรียนมา และมีความตั้งใจที่เรามีอยู่ เราเอาความรู้กับความตั้งใจของเรามาทำให้เกิดประโยชน์ให้กับประเทศชาติ กับประชาชนโดยรวม มันน่าจะดีกว่า ที่สำคัญจริงๆคือครอบครัวของผมสอนมาแบบนี้

จากผู้พิพากษามาสู่การเมืองเพราะท่านอยากช่วยผู้คน?

ถ้าเราคิดว่าเราสามารถเป็นนักการเมืองที่ดีได้ เราก็มา สิ่งที่เราเห็นทุกข์ของชาวบ้าน ถ้าเราสามารถเอาความรู้ของเรามาใช้อำนาจทางการเมืองผสมกัน เราน่าจะช่วยแก้ปัญหาของเขาได้มากกว่าการนั่งบัลลังก์เป็นผู้พิพากษาครับ

ตอนที่รับราชการคุณพีระพันธุ์ เป็นผู้ปิดทองหลังพระไม่มีใครเอามาพูด?

เรื่องทางด่วนอันนี้ ก่อนเรื่องโฮปเวลล์นะ เรื่องทางด่วนเนี่ย เป็นช่วงปี 44 ตอนนั้นมีปัญหา เขาเรียกยุคนั้นเขาเรียกค่าโง่ทางด่วน ก็เหมือนกัน ผมดูว่ามันผิดปกติทั้งหลักตรรกะ และหลักกฎหมาย สุดท้ายผมก็นั่งสอบเรื่องค่าโง่ทางด่วนแล้วก็สุดท้ายทางอัยการก็เอารายงานการประชุมของกรรมาธิการที่ผมเป็นประธานอยู่ช่วงนั้นคือ ประธานกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการทุจริตพอดี เป็นคนแรกของกรรมาธิการชุดนี้เลย ก็สามารถชนะคดี ค่าโง่ทางด่วนไปรอบนึง วันนั้นถ้ารวมดอกเบี้ยก็หมื่นกว่าล้าน ก็ชนะคดีนะครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *