“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ล่าสุดจากผลการสำรวจหลายโพล ติดอันดับคะแนนนำที่ 1 ในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แถมช่วงนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีเสียงลือว่าราศีนายกฯจับเสมอ แต่สังคมก็สงสัยว่าที่หาเสียงเพื่ออยากพัฒนาประเทศจริงหรือไม่นั้น งานนี้เจ้าตัวเลยมาเปิดใจ แถมถกประเด็นทางการเมืองหลากหลายมุมมอง ว่าด้วยงบประมาณที่ควรเปลี่ยนเพื่อพัฒนาศักยภาพของประเทศให้ดีขึ้น พร้อมเปรยว่าค่าไฟที่แพงจะลดลงได้นะรู้ยัง ในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.15 น. ทางช่อง 8 กดเลข 27
ทำไมถึงมีนโยบายปิดสวิตช์ 3 ป. เขาไปทำอะไรให้คุณ?
สั้นๆ ตรงๆ ต้องการที่จะเปิดความหวังให้กับประเทศครับ คือปิดสวิตช์ 3 ป. ถ้ายังเปิดอยู่ผมก็คิดว่าความหวังในเรื่องของการเมือง เศรษฐกิจ ปากท้องต่างๆ ก็พิสูจน์แล้วว่า 8 ปีที่ผ่านมาเหมือนกับทศวรรษที่สูญหาย เราใช้งบประมาณไปเท่าไรรู้ไหมครับอาจารย์ 28 ล้านๆบาท คนจน 14 ล้านคน มันแสดงให้เห็นว่า 10 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้ก้าวหน้าไปถึงไหน แล้วถึงแม้ผมจะเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ ก็มีความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไม่ต่างจากนักการเมืองหน้าเก่า และก่อนที่จะเป็นนักการเมือง ผมก็เคยเป็นประชาชนที่เคยได้รับผลกระทบจากการทำรัฐประหาร 3 ป. ที่ได้พูดถึงนี้
ไม่ใช่เป็นความรู้สึกเกลียดชังส่วนบุคคลใช่ไหมคะ?
ครับ ไม่มีอะไรเป็นเรื่องส่วนตัว ทุกอย่างมันเป็นเรื่องของระบบ ที่เราต้องการให้เห็นระบบประชาธิปไตยให้เดินได้ แต่ด้วยค่าเฉลี่ย ทุกๆ 5 ปี ในประเทศไทยตั้งแต่เป็นประชาธิปไตยมา โดนทำรัฐประหารทุกๆ 5 ปี เพราะฉะนั้นการที่เศรษฐกิจจะเดินหน้าได้ ปากท้องจะดีได้ แต่ระบบประชาธิปไตยเลือกใครมาไม่ได้คนนั้น ประชาธิปไตยไม่ตรงปก พอกำลังจะขี่จักรยานได้ด้วยตัวของพวกเราเอง ก็มีคนมาถีบให้เราล้ม แล้วก็เริ่มใหม่ มันก็เลยไม่ไปไหนสักทีนึง คราวนี้ประเทศอื่นเขาไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เราก็ยังอยู่ที่เดิมอยู่ แล้วมันก็ต้องเป็นสิ่งที่เปิดความหวังก็ต้องปิดสวิตช์ 3 ป.
ยกเลิกระบบทหาร เดี๊ยนเป็นกังวลข้าศึกจะมาโจมตี?
ด้วยความเคารพนะครับอาจารย์ เมื่อกี้อาจารย์ใช่คำว่ายกเลิกทหาร ซึ่งต่างจากยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ยกเลิกการเกณฑ์ทหารไม่เท่ากับยกเลิกทหาร ประเทศไทยจะยังมีทหารอยู่ แต่จะเป็นทหารที่สมัครใจ และมีมืออาชีพ มีสวัสดิการ ทุกวันนี้ทหารเกณฑ์ทั้งหมดมี 125,000 คนครับ แล้วจริงๆมีคนสมัครใจอยู่แล้ว 4 หมื่นคน คนที่เขาอยากจะเป็นทหารจริงๆ ถ้าเกิดเป็นประเทศในระดับเราเนี่ย ความมั่นคงแบบนี้ ที่จริงมีแค่ 6 หมื่นคนก็พอ หายไปครึ่งนึง ก็จะประหยัดไปเยอะนะคะ? ก็ 1 หมื่นล้านเลยครับอาจารย์ คือคำนวณมาแล้วถ้าเรายกเลิกการเกณฑ์ทหาร เราก็ยังมีทหารที่สมัครใจอยู่ ประหยัดงบประมาณตรงนั้นออกมา มาดูแลปัญหาเรื่องฝุ่นเรื่องปากท้อง สังคมสูงวัย และทำให้สวัสดิการของคนที่เขาอยากจะเป็นทหารจริงๆดีขึ้น อันนั้นขยักที่1 ครับ ขยักที่ 2 สำหรับคนที่กลัวของเรื่องภัยความมั่นคง ต้องเรียนก่อนว่าตอนนี้นิยามของภัยมั่นคงเปลี่ยนไปเยอะ มันเป็นเรื่องของการทำไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ส่งคนเข้าไปแฮกข้อมูล สงครามเชื้อโรค ทำไงให้โรงพยาบาล โรงไฟฟ้าทำงานไม่ได้ เราเห็นอยู่ที่รัสเซีย ยูเครนตอนนี้ เพราะฉะนั้นยิ่งมีทหารเกณฑ์เยอะมากเท่าไร เราก็ยิ่งมีงบประมาณเข้ามาอัพเกรดเทคโนโลยีเราน้อยเท่านั้น ดังนั้นเราต้องยิ่งอัพเกรดเทคโนโลยีเราด้วยงบประมาณที่มีอยู่ แทนที่จะเป็นทหารเกณฑ์ที่อาจจะเอาไปไว้ตัดหญ้า ซักผ้า ทำอย่างอื่น ซึ่งผมรู้สึกว่าทหารไทยมีเกียรติมากกว่านั้นนะครับอาจารย์เพราะฉะนั้นท่านจะชอบในเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงอย่างเดียว หรือท่านเชื่อในเรื่องความท้าทายของเศรษฐกิจด้วย หรือท่านจะเชื่อในความท้าทายแบบเชื้อโรค หรือท่านจะเชื่อในความท้าทายแบบสิ่งแวดล้อม แบบฝุ่นที่เราเผชิญอยู่ ท่านต้องสนับสนุนการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และให้เป็นทหารที่สมัครใจเท่านั้นครับ และสวัสดิการดีขึ้นครับ
พรรคไหนที่คุณจะไม่ร่วมด้วยอย่างแน่นอน?
พรรคพลังประชารัฐ กับพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นต้นตอของการทำรัฐประหาร และเป็นคนที่ฆ่าเกี่ยวกับระบบประชาธิปไตยในประเทศไทย เพื่อที่จะให้ตัวเองเข้าสู่อำนาจ และต้องการที่จะรักษาอำนาจอยู่ เพราะฉะนั้น 2 พรรคเนี่ย มันตรงข้ามกับเหตุผลว่าทำไมผมถึงมาเล่นการเมือง(หัวเราะ) มันตรงกันข้ามกับเหตุผลว่าทำไมเราถึงมีพรรคอนาคตใหม่ จนกระทั่งมาถึงพรรคก้าวไกล เพราะฉะนั้น 2 พรรคนี้ เราไม่สามารถที่จะร่วมได้ ในทางกลับกันผมก็คิดว่าเราร่วมมือ สามารถที่จะแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างได้กับอีกหลายพรรคนะครับ นั้นก็คือพรรคร่วมฝ่ายค้านปัจจุบันที่ผมทำงานกับพวกเขามา 4 ปี
คุณมีปัญหากับคนใกล้ตัวอย่าง อ.ปิยบุตร?
แตกต่างแต่ไม่ได้แตกแยกครับ คือด้วยความโดนยุบพรรคไป ผมกับอ.ปิยบุตรก็ห่างกัน ก็ไม่ได้มีโอกาสที่สื่อสารกัน เพราะฉะนั้นเวลาที่จะได้ยินเรื่องของอีกคนนึงเนี่ย ไม่ได้คุยกันหน้าต่อหน้าแบบนี้ครับ ก็จะมีคนนึงมาเล่าให้ฟัง อีกคนนึงมาเล่าให้ฟัง ก็เลยอาจทำให้มีความรู้สึกว่าแตกต่างกัน แต่ก็ต้องเข้าใจอย่างนี้นะครับว่าทุกองค์กร รวมถึงที่อาร์เอส หรือท่านผู้ชมความแตกต่าง หรือความขัดแย้งกันมันเป็นเรื่องปกติ แต่คำถามที่ต้องถามมากกว่าก็คือว่า คุณจัดการกับความขัดแย้งนั้นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นระดับครอบครัว บริษัท พรรคการเมือง แต่ว่าเราจะสามารถทำอย่างไรให้เปลี่ยนวิกฤตให้กลายเป็นโอกาส มากกว่าให้วิกฤตกลายเป็นหายนะ และเราก็ได้พิสูจน์แล้ว เมื่อเราได้มีโอกาสกลับมาเป็นเพื่อนกัน คุยกันเหมือนเดิม ตอนหลังพอโดนยุบพรรคไปแกก็กังวลว่าจะโดนเรื่องของการมาครอบงำพรรคอย่างนั้นอย่างนี้เราก็ห่างกันไปไม่ได้คุยกัน แต่ตอนนี้คุยกันตรงแล้ว เข้าใจกันแล้ว ก็สามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสจากความขัดแย้งนั้นได้ ทำให้สปิริตพรรคอนาคตใหม่กลับมาอีกครั้ง
สถานภาพของครอบครัวและบุตรสาวพร้อมไหมคะ ที่จะมีคุณไปอยู่แนวหน้าระดับชาติ?
พร้อมครับ ก็เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว ณ ปัจจุบันครับ อันนี้ก็คือเป็นสิ่งที่ภูมิใจ ในฐานะที่เป็นพ่อเลี้ยงลูกสาวนะครับ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้เป็นสามีภรรยา กับอดีตภรรยา แต่ก็ยังเป็นพ่อกับแม่ของลูกตลอดไป อดีตภรรยาถึงแม้จะไม่เข้าใจกันในตอนนั้น ตอนนี้ก็เข้าใจกันดี และคอยช่วยเลี้ยงลูกสาวด้วยกันเป็นอย่างดี