ครั้งหนึ่งเคยทิ้งความฝันไว้ที่เกาหลีเพื่อกลับมาดูแลครอบครัว วันนี้โอกาสมาถึงอีกครั้ง “ซูบอม-ภิพัส วิชาสุ” จะไม่ถอยอีกแล้ว รับบท “ท็อป” ในซีรีส์วายน้ำดี “Boyband The Series เบื้องหน้าบอยแบนด์ เบื้องหลังบอยเฟรนด์” ผลงานการร่วมมือข้ามชาติระหว่างค่าย World Star โดย “แพม-ลิตา ตะเวทิกุล” และ Avex Pictures บริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนต์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 23.00 น. ทางช่อง GMM25 เริ่มตอนแรก วันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้
“ซูบอม” กล่าวว่า “ท็อป เป็นเด็กหนุ่มอิสาน มาจากจังหวัดขอนแก่น แล้วทางบ้านก็มีหนี้ มีเรื่องครอบครัวเข้ามา คาแรกเตอร์จะเป็นคนนิ่งๆ ซื่อสัตย์ สุขุมหน่อย แล้วก็เป็นคนที่รักเพื่อนครับ เป็นคนมองโลกในแง่ดี ซื่อๆ ซีรีส์เรื่องนี้ ใกล้เคียงกับชีวิตจริงผมมาก ผมก็ตั้งใจจะสื่อออกมาให้น้องๆ เห็นว่า ถ้าคุณเห็น “ท็อป” ในซีรีส์เรื่องนี้ คุณก็จะเห็น “ซูบอม” ในชีวิตจริง
“จริงๆ ตอนแรก ผมไม่ได้สนใจเพราะเหมือนเราทิ้งความฝันของเราไว้แล้ว ตอนอายุ 18 ผมเคยได้รับโอกาสให้ไปฝึกที่ค่ายเพลงเกาหลี ซึ่งต้องเดินทางไปฝึกที่โน่นเลย พ่อก็ให้เงินผมมาหนึ่งหมื่น ซึ่งผมไม่รู้ว่าเงินนั้นน่ะ พ่อผมจะเอาไปใช้หนี้ ผมก็เลยรู้สึกผิด รู้สึกเครียด ก็เลยตัดสินใจกลับมา แล้วก็มาอยู่ที่ไทย ช่วงนั้นก็เป็นครูสอนเต้น รับงานอีเว้นท์ด้วย แล้วก็ทำแซนด์วิชโบราณขาย ชิ้นละ 25 บาท ทำจำนวนตามออเดอร์ครับ สัปดาห์หนึ่งก็จะทำประมาณ 2 ครั้ง หักลบต้นทุนแล้ว ก็เหลือกำไรนิดหน่อย สำหรับใช้ในครอบครัว และก็แบ่งส่วนหนึ่งทยอยใช้หนี้ พอทีมงานติดต่อมาชักชวน จากที่เคยรู้สึกว่าเราจะพับความฝันแล้ว ก็เลยตัดสินใจลองอีกครั้งหนึ่ง ถ้าได้ก็ดี ถ้าไมได้ ก็ทิ้งความฝันไป แล้วก็ใช้ชีวิตของเราต่อไป
“พอออดิชั่นผ่าน ก็ดีใจ มีความหวังขึ้นมาอีก 10% ผมไม่คิดว่าจะได้เล่นเป็นตัวเอกเลย คิดแค่ว่าได้เล่นเป็นตัวไหนในเรื่องก็ได้ พอประกาศผล ว่าได้เล่นเป็น “ท็อป” ผมก็ฮะ อึ้งมาก คือเครียดกับตัวเองมาก ว่าเราจะทำได้มั้ย ก็ต้องฝึกหนักมากครับ ทั้งเรื่องการร้อง การเต้น เรียนการแสดง ตั้งแต่ 10 โมง ถึงค่ำ แล้วก็เรียนชกมวย เรียนการต่อสู้ เพราะในเรื่อง “ท็อป” จะเป็นคนสู้ชีวิต แต่ชีวิตสู้กลับ ต้องทำงานทุกอย่าง ทั้งโชว์มวย โชว์รำดาบ เลี้ยงช้าง เป็นเด็กเสิร์ฟร้านข้าวต้ม เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว จนมาเจอกับ “มาดามพอลลี่” (ปู แบลคเฮด) ก็ใช้เวลาเกือบ 2 ปีเลยครับ กว่าที่จะออกมาเป็นผลงานที่ทุกคนกำลังจะได้ชมกัน ถามว่าเคยท้อมั้ย ผมทิ้งคำนี้ไว้นานแล้ว ตั้งแต่ผมผ่านการออดิชั่น ผมคิดอยู่เสมอว่า ถ้าผมทิ้งตรงนี้ไปอีกอ่ะ เราก็คงต้องกลับไปใช้ชีวิตอย่างที่เราคิดไว้จริงๆ แล้วล่ะ ผมก็เลยบอกกับตัวเองว่า เราเคยทิ้งโอกาสมาแล้ว เมื่อผมได้โอกาสนั้นมาอีกครั้ง ผมก็จะไม่ทิ้งมันอีก ผมจะทำเพื่อครอบครัวมากกว่า เราเห็นครอบครัวลำบากมาก่อน เราก็อยากทำให้ชีวิตครอบครัวเราดีขึ้น ผมอยากให้ครอบครัวผมสุขสบายก่อน อันดับ 1 ก็คือครอบครัว อันดับ 2 ก็คือญาติพี่น้อง อันดับ 3 ก็คือผม ทุกวันนี้ผมเริ่มทำข้อ 1 ได้แล้ว เหลือข้อ 2 ผมว่าหลังจากซีรีส์ออน มีงานเข้ามา ผมก็น่าจะทำให้ญาติพี่น้องผม ลดหนี้ลดอะไรได้ แล้วก็มีความสุขก่อน แล้วค่อยเป็นผม ถ้าผมยังมีแรง ผมสู้ครับ ข้อ 3 ไม่ว่าจะ 60 ปี ผมก็ยังไหว อยากให้น้องๆ รุ่นใหม่ที่อยากจะเป็นศิลปิน อยากเป็นนักแสดง ถ้าได้ดูเรื่องนี้ ผมก็คิดว่ามันน่าจะเป็นแรงผลักดันให้กับเด็กวัยรุ่นยุคใหม่ด้วย ว่าไม่มีอะไรที่ได้มาแบบง่ายๆ ทุกอย่างต้องอาศัยการฝึกฝน ทุ่มเท ทั้งกาย และใจครับ”
ชมตัวอย่างได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=6OgwwxNdD6g
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวได้ทาง Facebook และ Instagram: Boyband The Series