Mango Art Festival เทศกาลศิลปะประจำปีที่เปรียบสายพันธุ์ต่างๆ ของ “มะม่วง” กับความหลากหลายสไตล์ของงานศิลปะ เปิดโอกาสให้กับผู้สร้างสรรค์งานศิลปะในแต่ละแขนงได้มาเผยแพร่ผลงานให้เป็นที่รู้จัก รวมทั้งแกลเลอรี่ต่างๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ ณ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ระหว่างวันที่ 2-7 พฤษภาคม 2566
ไผทวัฒน์ จ่างตระกูล ผู้ร่วมก่อตั้งและอาร์ทิสติค ไดเรคเตอร์ของ กล่าวว่า “Mango Art Festival เป็นเหมือนไลฟ์สไตล์อีเวนท์ เหมาะสำหรับคนไม่จำกัดเพศหรือวัย โดยเฉพาะคนที่ชอบงานสร้างสรรค์ เป็นงานซึ่งแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ของไทยหรือภูมิภาคนี้ด้วย ผู้มาร่วมงานได้อัพเดทเทรนด์ สามารถมาเพื่อหาแรงบันดาลใจ และที่สำคัญคือ มาซื้องานศิลปะ ซึ่งรวมของดีไว้มาก สามารถซื้อผ่านแกลเลอรี่ต่าง ๆ ได้ในราคาที่ดีที่สุดในปีที่แล้ว การซื้อขายมียอดมากกว่า 25 ล้านบาท ปีนี้คิดว่าน่าจะมากกว่านั้น”
Mango Art Festival กลับมาพร้อมกับธีมใหม่ “Rise” อันเป็นสัญลักษณ์ว่า การเริ่มต้นและการค้นพบใหม่ ๆ ยังคงมีอยู่เสมอ ตราบเท่าที่ดวงอาทิตย์ยังขึ้นและตกในทุก ๆ วัน เช่นเดียวกับเทศกาลในปีนี้ที่เปิดพื้นที่และมอบโอกาสให้กับศิลปินอิสระหรือศิลปินหน้าใหม่ได้มาแสดงผลงานให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังมีเป้าหมายที่จะเปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยการร่วมมือกับและอาร์ตแกลเลอรี่นานาชาติมากกว่าปีก่อน ๆ ด้วย
เทศกาลศิลปะครั้งนี้ ประกอบไปด้วย 3 แขนงหลักคือศิลปะ (Art), การออกแบบ (Design) และ การแสดง & ดนตรี (Performance & Music) โดยถูกแบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่ “โซนแกลเลอรี่” กับ 21 แกลเลอรี่ชั้นแนวหน้าทั้งในและต่างประเทศ, “โซนศิลปินอิสระ” กับ 75 ศิลปิน, “โซนออกแบบผลิตภัณฑ์” ประกอบไปด้วย 14 แบรนด์ และ “โซนศิลปะหัตถกรรม” ประกอบไปด้วย 19 บูธ รวมทั้งการแสดงและดนตรี
สุชาย พรศิริกุล ผู้ร่วมก่อตั้งMango Art Festival พูดว่า “เราพยายามจัดงานให้ดีขึ้นพยายามให้มีสิ่งแปลกใหม่มากขึ้นในทุกปีคาดหวังให้คนรักงานศิลปะในทุกสาขามารวมตัวกัน ในปีก่อน ๆ มีศิลปินอิสระหรือศิลปินหน้าใหม่มาร่วมงานแล้วได้รับโอกาสเรื่องงานหลายรายมากปีนี้จึงไม่อยากให้พลาดนอกจาก Mango Art Festival ซึ่งเป็นงานหลักแล้ว ทีม Mango ยังมีอีเวนต์ทั้งในกรุงเทพฯและที่เชียงใหม่ในช่วงเชียงใหม่ ดีไซน์ วีค ในเดือนสิงหาคมนี้ยังจะไปร่วมงาน Art Formosa ที่ไต้หวันด้วย”
นอกจากนี้งานยังมีนิทรรศการพิเศษ เช่น งานศิลปะที่เกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) “ทอล์ค” จากผู้เชี่ยวชาญในวงการศิลปะกับประเด็นที่อยู่ในความสนใจ รวมไปถึงเวทีดีเบตเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ของพรรคการเมืองในนโยบายเกี่ยวกับ “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” การแสดงดนตรี ร้อง เล่น เต้น แฟชั่นโชว์ หรือการแสดงสดศิลปะแขนงต่าง ๆ
