เมืองสิงห์บุรี จะถูกแต้มสีสันในเทศกาล “แสง สี สิงห์”

วันนี้ MRBADBOY ได้มีโอกาสมาเที่ยวจังหวัดสิงห์บุรีอย่างจริงจังสักที หลังจากแค่ผ่านไปยังจังหวัดอื่นๆ เพื่อพรีวิวสถานที่จัดงานเทศกาล “แสง สี สิงห์ Let’s Glow Singburi” ที่กำลังจะแต้มสีสันระหว่างวันที่ 18-27 สิงหาคม 2566 นี้ พร้อมเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และชิมเมนูเด็ดที่ร้านอาหารและคาเฟ่ชื่อดัง

สิงห์บุรี ขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงจากกรุงเทพ เป็นเมืองเล็กๆ เงียบสงบและเรียบง่าย แต่ซ่อนเร้นไปด้วยมนต์เสน่ห์ทางสถาปัตยกรรมของเมืองเก่าสุดคลาสสิกและมนต์ขลังสำหรับสายมู โดยเริ่มแรก MRBADBOY ได้รับรู้และเรียนรู้เกี่ยวประวัติศาสตร์ความเป็นมาเมืองสิงห์ รวมทั้งวัฒนธรรมและภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่มิวเซียมสิงห์บุรี ภายในอาคารศาลากลางหลังเก่า (ร.ศ.๑๓๐) เป็นจุดเช็คอินจุดแรก เข้าชมฟรี

มิวเซียมสิงห์นี้ ประกอบไปด้วย 8 นิทรรศการ “ทรัพย์เมืองสิงห์” หลังฐานในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ต่อเนื่องถึงทวารวดี สุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์, “ทรัพย์เมืองเก่า” หัวเมืองสำคัญของกรุงศรีอยุธยาในยุค สิงห์ – อินทร์ – พรหม ปัจจุบันยังมีทรัพย์ที่ยืนยันความรุ่งเรืองของยุคนี้, “ทรัพย์ในดิน” แหล่งของเมืองอุตสาหกรรมผลิตภาชนะดินเผาขนาดใหญ่นับร้อยส่งขายในอยุธยา และส่งออกไปทั่วโลกไกลถึงทวีปแอฟริกา “ไหสี่หู” ภาชนะที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากสิงห์บุรี “ทรัพย์สลาย” ทรัพย์เมืองสิงห์สลายไป พร้อม ๆ กับกรุงศรีอยุธยาแตก, “ทรัพย์ทรงจำ” สิงห์ – อินทร์ – พรหม เมืองแฝดสามในสมัยรัชกาลที่ ๕ ถูกยุบรวมเป็นเมืองสิงห์บุรี, “ทรัพย์เมืองสิงห์” มี “สตอรี่” ให้ค้นหาความหลากหลายของผู้คน วัฒนธรรม ความเชื่อ อาหารการกิน และ ของใหม่, “ทรัพย์ปัญญา” โดย “สิงห์บุรีโมเดล” ถูกคิดค้นตั้งแต่เมื่อ ๑๐๐๐ ปีก่อน เพื่อควบคุมน้ำในหน้าแล้งและป้องกันน้ำท่วมในฤดูน้ำหลากด้วยคลองขุด “ใยแมงมุม” และ “ทรัพย์วันหน้า” กับ “สิงห์บุรีในฝัน” เกมทดสอบการออกแบบเมืองอย่างยั่งยืนที่สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลง ความผันผวนในอนาคตได้ด้วยจินตนาการของทุก ๆ คน

เสร็จแล้วไปเรียนรู้การตัดพวงมโหตรที่ใช้แขวนในงานมงคลต่างๆ กับผู้เชี่ยวชาญ อ อำภา พิลาวัลย์และบังอร จันโนทัย ก่อนไปรับประทานอาหารกลางวัน ข้าวแกงกับน้ำพริกรสเด็ดและกวยจั๊บ 100 ปี ที่ฟู้ดคอร์ทของเกษราเบเกอรี่ และชิมเค้กปลาช่อนเจ้าเดียวในโลกและไอศกรีมปลาช่อน พร้อมเรื่องเล่าผ่านคุณกอล์ฟ กฤษฎา ประสงค์สุขสันต์ ทายาทรุ่นที่ 2

สิงห์บุรีได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวสายมูด้วย เนื่องจากว่ามีวัดวาอารามที่น่าสนใจและพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง รวมทั้งวัดพิกุลทอง เพื่อสักการะหลวงพ่อแพ และไปจิบกาแฟที่ เดอฌองคาเฟ่ (De Champ Cafe) พร้อมกับการพายซับบอร์ด (SUP Board หรือ Stand-up Pedal Board) โดยมีคุณปิติภัทร ม่วงงาม เจ้าของร้านและนักกีฬา มาช่วยสาธิตก่อนพาไปเล่นในลำคลอง

วัชรินทร์ เรืองฤทธิ์กูล ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวว่า “เรามองซัพบอร์ดเป็นการท่องเที่ยวเชิงกีฬารูปแบบใหม่ของสิงห์บุรีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพด้วย การซัพบอร์ดในการออกกำลังกายและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเชิงนิเวศน์ ตั้งแต่แม่น้ำแม่ลาจนมาถึงคลองสามแยกและคลองวัดพิกุลทอง สามารถเชื่อมโยงการท่องเที่ยวได้ ในอนาคตเราสามารถที่จะจัดไตรกีฬาได้ ซึ่งขณะนี้ได้มีการพูดคุยกับสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬา สิงห์บุรีดังเรื่องงานวิ่งและปั่นจักรยานอยู่แล้ว ฉะนั้นเราก็ต้องหากีฬาทางน้ำอีกหนึ่งประเภทที่มาเสริมกัน นั่นก็คือซัพบอร์ด เราได้น้องแชมป์ที่เป็นเจ้าของร้าน เดอฌอง ผู้ซึ่งเชี่ยวชาญด้านซัพบอร์ดและมีกลุ่มเพื่อนๆ ของเขามาช่วยให้ความรู้และ Train ได้ เขายังมีพารามอเตอร์ด้วย”

ในที่สุด MRBADBOY ก็ได้มาถึงสิงห์บุรีแล้ว เพราะได้ลิ้มลองรสชาติปลาเผารมควันพร้อมกับยอดสะเดาน้ำปลาหวาน เมนูซิกเนเจอร์และต้นตำรับของร้านแม่ลาปลาเผา แล้วไปเดินย่ำราตรีเพื่อดู Neon Light จุดเช็คอินที่ 2 ของเทศกาลที่โรงหนังเมืองทองรามา โรงหนังเก่าแห่งสุดท้ายของสิงห์บุรี สถานที่เก็บความทรงจำของหลายๆ คน ไม่น่าเชื่อเลยว่าเมืองเล็กๆ นี้ในอดีตได้มี 3 โรงภาพยนตร์ถือว่าทันสมัยและใหญ่ที่สุดในสายเหนือเป็นที่นิยมของคนลพบุรี ชัยนาทและอ่างทองด้วย

โรงภาพยนตร์นี้ ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2519 โดยเฮียปอ กิตติพงษ์ ตั้งประกอบกิจ เจ้าของร้านเจริญทิพย์ และเจ้าของสายหนัง 21 จังหวัด ได้มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและทรงคุณค่าตามการออกแบบโรงหนังสกาลาโดยใช้เส้นโค้งและเส้นตรงที่เรียบง่ายแต่แข็งแรง จุดเด่นที่บันได ฝาเพดานและเสาคอนกรีตโค้ง

เดินจากโรงภาพยนตร์ตามถนนวิไลจิตต์ ที่ถือว่าเป็น Street Art ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยกับความยาว 3.4 กิโลเมตร แนวเขื่อนกั้นแม่น้ำจ้าพระยาตั้งแต่สะพานบางระจันถึงสะพานอนุสรณ์ 100 ปี สิงห์บุรี (สะพานหลวงพ่อแพ 89) ที่นำเสนอวิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณี สินค้าโอทอป ตลอดจนเรื่องราวของจังหวัดสิงห์บุรีทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ไปยังโรงแรมสันติสุข ที่ถือว่าราคาถูกที่สุดในประเทศไทย ชั่วคราว 40 บาทและค้างคืน 50 บาทเท่านั้น ก่อนไปพักผ่อนกันที่โรงแรมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ไชยแสงพาเลส และเป็นจุดเช็คอินที่ 3 สำหรับประติมากรรมซ่อนแอบ (Hidden Sculpture) “ใจ ใจ สิงห์”

ตื่นแต่เช้ามาเดินเล่นและชมความสวยงามของ Street Art ก่อนแวะชิมกาแฟและขนมหวานที่ร้าน Little Beach Cafe กับชายหาดน้อยๆ แล้วลองใช้แพลตฟอร์มมือถือ Digital Self-Walking Guide “Wabu” สำหรับเทศกาลในครั้งนี้ ไปถ่ายรูป “ใจใจสิงห์”, Crosswalk Art และชมนิทรรศการภาพถ่าย “Sing(ha) of the Town” ที่ร้าน .Feel โชคดีที่เมืองสิงห์เป็น Block สามารถเดินเชื่อมถึงกันได้ ฉะนั้นการเดินถือว่าง่ายและสะดวกสุด

รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านเจริญทิพย์ กับเมนูฮิต เชิงปลากรายทอด สลัดหมูสันใน ยำมะม่วง และต้มยำปลาช่อนสูตรโบราณ ก่อนกลับไปชมความมหัศจรรย์ของหนังใหญ่ที่วัดสว่างอารมณ์ ความสวยงามของพระนอนจักรสีห์และความน่าทึ่งของโบราณสถาน เตาเผาแม่น้ำน้อย มากกว่า 200 เตา นับเป็นแหล่งอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผาที่สำคัญของไทยในอดีต

เทศกาล “แสง สี สิงห์” ติดต่อได้ที่ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสิงห์บุรีและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โทร 088 214 1111 หรือ Facebook, Instagram: SangSeeSing-แสงสีสิงห์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *